WHAT'S NEW?
Loading...
                   ไม่น่าเชื่อ!! ไทรอยด์เป็นพิษ หายได้ ภายใน 2-3 อาทิตย์ เพียงคุณทานสิ่งนี้  

 ไทรอยด์เป็นพิษ หรือโรคคอพอกเป็นพิษ ต่อมไทรอยด์ ซึ่งอยู่ที่ลำคอด้านหน้าต่ำกว่าลูกกระเดือกเล็กน้อย ทำหน้าที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนไธรอยด์ออกสู่กระแสเลือด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ โดยเฉพาะหัวใจและประสาท โรคคอพอกเป็นพิษ เป็นการเสียสมดุลของฮอร์โมนไธรอยด์ โดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่เกี่ยวข้องกับอาหารทะเลแต่มีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องดังนี้




1.เพศหญิง โรคนี้เกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 4-8 เท่า
2.กรรมพันธุ์ บางครอบครัวเป็นกันทั้งมารดา และลูกสาว
3.ความเครียดทางจิตใจ พบว่าทำให้เกิดอาการคอพอกเป็นพิษได้
ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ อาจสร้างฮอร์โมนออกมามากเกินไป ต่อมจะมีขนาดโตขึ้นจนมองเห็นได้ชัดเจน ถ้าคลำดูจะมีลักษณะหยุ่นไม่แข็ง อาจฟังได้ยินเสียงฟู่ ๆ เนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงต่อมมากกว่าปกติ

สมุนไพรที่จะช่วยรักษา ไทรอยด์เป็นพิษได้นั่นคือ น้ำใบย่านาง มาดูวิธีการทำกันเลย

   สมุนไพรที่จะช่วยรักษาได้คือ “น้ำใบย่านาง” ให้คั้นใบย่านางต้มกินแทนน้ำเปล่า ปัจจุบันมีหัวน้ำใบย่านางสกัดขายตามร้านขายของเพื่อสุขภาพทั่วไป นำไปผสมน้ำดื่มได้เลย รสชาติไม่แตกต่างจากน้ำเปล่าและยังมีกลิ่นหอมชื่นใจอีกด้วย

   นอกจากนั้นให้ปรับนิสัยการกิน หันมากินอาหารฤทธิ์เย็นแทน เช่นงดเนื้อสัตว์ แต่ยังกินปลาได้เช่นปลานึ่งทาเกลือเพื่อเสริมไอโอดีน กินผักผลไม้ฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม สัปปะรด แอปเปิลฯลฯ กินข้าวกับผักลวกปลานึ่ง โดยให้เน้นผักฤทธิ์เย็น (เสิร์จกูเกิลหาชื่อของผัก-ผลไม้ฤทธิ์เย็นได้เลย)




   ผู้มีประสบการณ์ป่วยเป็นไทรอยด์ เล่าว่า ทำตามคำแนะนำนี้ ค่าไทรอยด์ลดลง 50% ภายใน 2 สัปดาห์ และหายเป็นปรกติภายใน 3-4 เดือน แต่ต้องกินน้ำย่านางไปตลอดเพื่อรักษาสมดุลในร่างกายรักษาได้ด้วยธรรมชาติบำบัด

   ในทางแพทย์แผนโบราณตำราจีนและไทย กล่าวว่าไทรอยด์เป็นพิษเกิดจากการกินที่ไม่สมดุล กินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนมากกว่าฤทธิ์เย็น หรือหยินหยางไม่สมดุล จึงทำให้ภายในร่างกายร้อนเกิน จนกระทั่งการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปรกติ

   วิธีธรรมชาติบำบัดที่จะช่วยรักษาไทรอยด์ที่ผสมทั้งแผนจีนแผนไทยคือ “การแกว่งแขน” หรือการออกกำลังกายโดยการแกว่งแขนเป็นประจำวันละ 20 นาทีเป็นอย่างต่ำ

ที่มา Share-Si

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล


เทศกาลสำคัญที่กระตุ้นความรู้สึกให้หลายคนระลึกถึงความสำคัญของผู้มีพระคุณ คงหนีไม่พ้นวันพ่อ และ วันแม่ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เราสามารถแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพ่อแม่ได้ทุกวัน ไม่ว่าคุณกับพ่อแม่จะอยู่ห่างไกลกันหรือเดินสวนในบ้านเดียวกัน ก็ไม่ควรจะปล่อยละเลย




นอกจากการนำพวงมาลัยและรดน้ำขอขมาแล้ว ก็ยังมีการสวด คาถาบูชาพ่อแม่ ทุกครั้งก่อนนอนโดยอานิสงค์ที่สวดจะทำให้คุณและครอบครัวมีความสุข หรือหากว่าในวันแม่ที่จะถึงนี้ คุณจะนำพวงมาลัยพร้อมกับ คาถาบูชาพ่อแม่ ไปสวดพร้อมกันเลยก็ได้นะคะ จำไม่ได้ก็จดใส่กระดาษเล็กๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้แล้วค่ะ ขอให้ทุกๆ วัน เป็นวันแม่นะคะ

1. อิมินาสักกาเรนะ ข้าขอกราบสักการะบูชา อันพระบิดร มารดา ตัวข้าขอน้อมระลึกคุณ ท่านมีเมตตาการุณ อุปการะคุณต่อบุตรธิดา ท่านให้กำเนิดลูกมา ทั้งการศึกษาและอบรม ถึงแม้ลำบากขื่นขม ทุกข์ระทมสักเพียงใด ท่านไม่เคยหวั่นใหว ต่อสิ่งใดที่ใด้เลี้ยงมา พระคุณท่านล้นฟ้า ยิ่งกว่าธาราและแผ่นดิน ข้าขอบูชาเป็นอาจิณ ตราบจนสิ้นดวงชีวา ขอปวงเทพไท้รักษา อันพระบิดรมารดาของข้า เทอญ..

 2. มัยหัง มาตาปิตูนังวะปาเทสุ วันทามิ สาทะรัง (กราบ 1 ครั้ง)

 3. อะนันตะคุณะ สัมปันนา ชะเนติชะนากา อุโภ มัยหัง มาตา ปิตูนังวะ ปาทา วันทามิ สาทะรัง




 หลังจากสวดบูชาแล้ว หากสะดวกก็ทำพิธีขออโหสิกรรมต่อเลยก็ได้ โดยให้เตรียมน้ำโรยดอกมะลิไปหนึ่งขัน แล้วพูดว่า “กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โย โทโส อันว่าโทษใดความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอใหคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพี่ คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย” หลังจากนั้นราดน้ำรดมือ รดเท้า

 แชร์ต่อให้คนที่คุณรักได้สวด เพื่อสิริมงคลกับชีวิตเพื่อโชคลาภ ความรุ่งเรือง ความร่ำรวย ต่อตัวคุณ

 ที่มา : KHAOBOX    

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล


12 สิ่งที่ควรตัดทิ้งไปซะ..แล้วชีวิตจะดีขึ้นทันตา

พ่อแม่มักจะปลูกฝังความคิดให้เราว่าไม่ควรหนีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าปัญหานั้นจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์แค่ไหนก็ตาม เนื่องจากในชีวิตจริงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหนีปัญหานั้นเพียงเพราะว่าเราไม่ชอบมัน พ่อแม่พยายามสอนลูกๆของตัวเองให้มีความคิดแบบนั้นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เราโตพอที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว และได้ลองพิจารณาใคร่ครวญถึงปัญหาอย่างจริงจัง บอกได้เลยว่ามีบางอย่างที่พวกพ่อแม่ของเราก็คิดผิดอยู่บ้างเหมือนกัน




บางครั้งเราต้องเลิกทำบางอย่างหรือถอยออกมา บางครั้งลองพยายามแล้วแต่มันไม่ได้ผลก็จะเสียเวลาทำไปทำไมล่ะ! มองหาหนทางใหม่ๆจะดีกว่าไหม ผู้คนอาจจะฉุดรั้งคุณ งานจะทำให้คุณเป็นบ้า และความเสียใจจะคอยทำร้ายคุณทั้งภายในและภายนอก หากมีอะไรที่อยู่ในชีวิตเราตอนนี้แล้วไม่ได้ทำให้เราดีขึ้นเลย หรือไม่ตอบสนองความต้องการของเรา แล้วเราจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะ ทิ้งมันไปซะ!

1. ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอน
ความสัมพันธ์ที่เหมือนไม่ใช่ความสัมพันธ์ มีแค่เซ็กส์ห่วยๆกับบทสนทนาขยะ เลิกๆไปซะ

2. งานที่คุณไม่ชอบ
การลาออกไม่เหมือนกับการถูกไล่ออก การลาออกไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การไม่พยายามหางานที่เหมาะกับคุณต่างหากที่น่าอายกว่า ถ้าคุณไม่ชอบก็ลาออกเลย หากคุณขี้เกียจทำงาน งั้นก็หางานที่สร้างรายได้โดยที่คุณไม่ต้องลุกจากเตียงสิ แต่ยังไงก็ควรมีเหตุผลในการลาออกเสมอ

3. เพื่อนที่เกาะติดคุณเป็นปลิง
ไม่มีกฎข้อบังคับเรื่องมิตรภาพ การเป็นเพื่อนกันมานาน 10 ปีไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นหนี้เพื่อน 10 ปีสักหน่อย หากทุกครั้งที่เพื่อนคนนี้ชวนคุณไปเที่ยวแต่คุณมักหาข้อแก้ตัวเสมอ ก็เลิกคบไปเถอะ การที่ต้องคอยปฏิเสธคนๆหนึ่งนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เราจริงใจกับเขา

4. เพื่อนที่คุณต้องคอยเอาใจ
บางครั้งคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองก่อนที่จะสร้างความสัมพันธ์อื่นๆไม่ว่าจะเป็นความรักหรืออะไรก็ตาม หากคุณรักเพื่อนมากกว่าตัวเอง ก็ได้เวลาที่จะต้องทบทวนความคิดใหม่ซะแล้ว ใช่บางครั้งเพื่อนคุณก็อาจมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ อย่าทอดทิ้งเขา แต่ถ้าเพื่อนคนนี้ต้องการความช่วยเหลือทุกวัน มันก็ไม่ใช่แล้วนะ ว่ามะ?

5. เพื่อนร่วมห้องเห่ยๆ
มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง “คุณเข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ดีไหม” กับ “บ่อยแค่ไหนที่คุณคิดอยากจะกระโดดหน้าผา” หากคุณไม่ชอบคนที่คุณต้องอาศัยอยู่ด้วย ชีวิตของคุณก็อาจน่าเบื่อไปเลยก็ได้ จะเสียเวลากับคนที่ไม่เคารพคุณทำไมล่ะ ไล่พวกเขาไปเลยอย่าไปแคร์

6. เมืองที่พรากความเป็นตัวตนของคุณไป
หากเมืองนี้ไม่ทำให้คุณมีความสุขหรือต้องสูญเสียความเป็นตัวตนของคุณไป ก็ยังมีอีกตั้งหลายล้านเมืองในโลกที่รอคุณไปใช้ชีวิตนะ

7. อนาคตที่คุณไม่ต้องการ
คุณมีสิทธิ์หนีจากความฝันที่ไม่ใช่ของคุณ การปฏิเสธความฝันที่คนอื่นสร้างให้คุณไม่ใช่เรื่องน่าอาย เรียกได้ว่าคุณเข้มแข็งและซื่อสัตย์ต่อตัวเองต่างหาก การใช้ชีวิตเพื่อตัวเองคือชีวิตที่มีเกียรติที่สุด อย่ากลัวที่จะวิ่งหนีหากเป้าหมายต่อไปคือสิ่งที่ดีกว่า และมันเป็นความสุขของคุณมากกว่า

8. ความคิดเห็นที่ฉุดคุณต่ำลง
จะไปสนใจความคิดของคนอื่นทำไม เนื่องจากความคิดเหล่านั้นทั้งไร้เหตุผลและไม่สำคัญต่อชีวิตของคุณเลย อย่าปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมามีอิทธิพลต่อตัวคุณ

9. ตัวตนเก่าๆของคุณ
ใครบอกว่ามนุษย์เรามีแค่เวอร์ชั่นเดียว ใน 1 ปีเราสามารถอัพเดทตัวเองได้บ่อยพอๆกับผลิตภัณฑ์ Apple เลยล่ะ คนเรามักมีหลายเวอร์ชั่นอยู่ในตัวเอง รวมทั้งความคิดที่เติบโตขึ้นด้วย ดังนั้นอย่าอายที่จะสลัดตัวตนเก่าๆของตัวเองทิ้งไป




10. คนที่คุณไม่กล้าปฏิเสธ
คุณต้องกล้าปฏิเสธสักครั้ง หรือถ้ามีพลังมากพอก็กำจัดคนเหล่านี้ออกจากชีวิตของคุณไปเลยได้ยิ่งดี เพราะคุณกำลังทำงานให้กับคนที่ไม่มีวันจะตอบแทนอะไรดีๆคืนกลับมาให้คุณเลย

11. ความล้มเหลวทั้งปวง
คุณควรหนีให้พ้นจากความล้มเหลว หากทำไม่ได้แล้วคุณจะพบกับความสำเร็จได้อย่างไร เก็บความล้มเหลวไว้ในอดีตก็พอ คุณควรเรียนรู้จากความล้มเหลวและเติบโตจากสิ่งนั้น แล้วค่อยเขวี้ยงมันทิ้งไปให้ไกลๆ

12. การเปรียบเทียบ
ทำไมคุณต้องละทิ้งตัวเองและวิ่งเข้าหาคนอื่นล่ะ? นั่นหมายถึงคุณกำลังถอยหลังลงคลองนะ คุณควรค้นหาตัวเองให้เจอ อย่ามัวแต่ตามหาสิ่งที่คุณไม่มี นี่คือตัวคุณ ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรอก ยิ่งคุณหนีจากการเปรียบเทียบเหล่านั้นได้เร็วเท่าไร ผู้คนก็จะยิ่งเริ่มหันมาเปรียบเทียบตัวเองกับคุณได้เร็วเท่านั้น

 ที่มา : KHAOBOX   

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล



ใครที่ยังไม่เคยทำและยังมีโอกาสอยู่ รีบทำตอนนี้ดีกว่าไป เคาะโลง อย่าอายที่จะทำดี!! 


การขอขมาพ่อแม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตทำได้ทุกเทศกาล ใครที่อยากขอขมาในสิ่งที่ทำไม่ดีกับพ่อ-แม่ แต่ไม่รู้วิธีขอขมาพ่อแม่ สิ่งที่ควรเตรียมก่อนขอขมาพ่อแม่ ลองมาดู วิธีขอขมาพ่อแม่กันเลย

สำหรับการขอขมาพ่อแม่ เป็นสิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนควรทำ เพราะใน 1 ปีที่ผ่านมา เราไม่อาจรู้ได้ว่า มีสิ่งใดบ้างที่เราทำลงไป และเป็นเหตุให้พ่อแม่ไม่พอใจ ไม่สบายใจบ้าง ไม่ว่าโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม และการขอขมาพ่อแม่ ยังเป็นแสดงออกถึงความสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาอีกด้วย ซึ่งการขอขมาพ่อแม่สามารถทำได้ทุกวัน และทุกเทศกาล




ดังนั้นหากใครที่อยากขอขมาในสิ่งที่ทำไม่ดีกับพ่อ-แม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว ลองมาดู วิธีขอขมาพ่อแม่ และบทสวดขอขมากรรม ที่เรานำมาฝากกันค่ะ

วิธีการขอขมากรรมกับบิดามารดาอย่างถูกวิธี

สิ่งที่ควรเตรียมในการขอขมาพ่อแม่

1. พานธูปเทียนแพ และพวงมาลัย ที่มีดอกมะลิ ในพวงมาลัย 1 พวง

2. ซองใส่ปัจจัยให้พ่อแม่เ ถือเป็นการซื้อชีวิตใหม่จากบุพการี

3. ชุดใหม่ให้พ่อแม่ นิยมเป็นชุดนอน และอาหารที่ท่านโปรด

4. กะลังมังใบใหม่ใส่น้ำอุ่น น้ำลอยดอกมะลิ หรืออาจจะเป็นน้ำใส่น้ำอบให้หอม ๆ

5. ผ้าเช็ดมือ เช็ดเท้าผืนใหม่

6. ผ้าขาวดิบ

7. ถาดใส่ของ (วางทับด้วยผ้าขาวดิบ)

8. สถานที่ทำพิธีขอขมา ควรเป็นกลางแจ้ง

หมายเหตุ : หากไม่มี หรือไม่สามารถ เตรียมตามความพร้อมทั้งหลายเหล่านี้ได้ ท่านสามาถกระทำเพียงน้อมจิตตั้ง นโมฯ ทำการกล่าวคำสมาลาโทษได้เลย

วิธีขอขมาพ่อแม่

ขั้นตอนในการขอขมาพ่อแม่

1. ก่อนทำพิธีขอขมาพ่อแม่ ให้อธิษฐานจิตบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ดังนี้

"องค์พระพุทธเจ้า ลูกชื่อ................................... วันนี้ลูกตั้งใจจะขอขมา ขอโอสิกรรมจากคุณพ่อคุณ แม่

ขอองค์พระพุทธจงบันดาลให้ลูกทำสิ่งนี้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ด้วยเทอญ

แม่ซื้อ เทพยดาทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทาง พระแม่ทรณี พระแม่คง พระแม่พระพาย พระแม่พระเพลิง

วันนี้ เวลานี้ ลูกชื่อ...............................ได้ตั้งใจที่จะทำพิธีขอขมา ขออโหสิกรรมจากคุณพ่อ คุณแม่ ขอจงเป็นพยานให้ลูกด้วยเทอญ"

2. ให้พ่อกับแม่นั่งบนเก้าอี้หรือโซฟา ขณะที่เรานั่งกับพื้น พร้อมกราบท่าน 3 ครั้ง

3. ให้ยกเท้าของท่านมาล้างในกะละมังน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ โดยขณะที่ล้างเท้าให้ท่านอยู่นั้น ก็กล่าว ขอขมากรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกินท่าน ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคต ทั้งกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี หรือในสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ ลูกกราบขออโหสิกรรมในสิ่งเหล่านั้นด้วย

4. หลังจากที่เราล้างเท้าท่านไป พูดไป จนเสร็จ ก็ให้นำเท้าของท่านมาวางบนขาเรา ซึ่งมีผ้าเช็ดเท้ารองอยู่ หลังจากนั้น ก็ให้เช็ดเท้าท่านให้แห้ง

5. เมื่อเช็ดเท้าของท่านแห้งดีแล้ว ก็ให้นำเท้าของท่านมาวางไว้บนขาเราก่อน และอธิฐานจิตพร้อมพูดบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ อีกครั้งว่า

"พระแม่ธรณีเจ้าขา พระแม่คงคาเจ้าขา พระแม่พระพายเจ้าขา พระแม่พระเพลิงเจ้าขา

ลูกมาขอกราบขมาลาโทษ ขอเป็นทิพยญาณ นำความดีและกุศลผลบุญที่ลูกทำในครั้งนี้

ไปบอกปู่ยมราช และนายนิติยบาลให้ด้วย ให้ช่วยจดบันทึกคุณงามความดีครั้งนี้ ที่ผ่านมา

ลูกจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ลูกขอรับใช้กรรม แต่หลังจากนี้ไป ลูกกราบขอชีวิตใหม่จากบุพการี"

6. จากนั้นให้เราก้มหมอบลง และนำเท้าท่านมาวางบนหัวเรา

7. หลังจากนั้น ก็นำพานธูปเทียนแพมามอบให้กับกับท่าน พร้อมพูดว่า

"พ่อคะ/แม่คะ ลูกขอขมา ขออโหสิกรรม ขอชีวิตใหม่ที่ดีให้ลูกด้วยนะคะ (ท่านก็จะพูดให้ศีลให้พร ให้ชีวิตใหม่กับเรา)"

8. สุดท้าย ให้อธิษฐานจิตอีกครั้งถึงพระพุทธเจ้า พร้อมกล่าวว่า

"ลูกชื่อ.............................ขออนุโมทนาบุญ จากพระพุทธเจ้า ให้สำเร็จบุญนี้ให้ลูกด้วย

ลูกขอนำกุศลบุญส่วนหนึ่ง อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่ติดตามลูกมาแต่อดีตชาติจนปัจจุบัน ให้รับกุศลของลูก ณ บัดนี้ เดี๋ยวนี้........

(เราพูดเองต่อ ขานเอง เออเอง) รับเลยจ๊ะ รับแล้วใช่ไหมจ๊ะ สาธุ สาธุ สาธุ"




คำกล่าว ขอขมาพ่อแม่

นอกจากคำกล่าวขอขมาข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งคำกล่าวที่สามารถใช้ในพิธีขอขมาได้เช่นกัน คือ

"กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส ที่ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) ประมาทพลาดพลั้งทำผิดมาในชาตินี้ ตั้งแต่เกิด จนถึงปัจจุบัน (หากนึกเรื่องได้ เช่น เคยด่าว่าพ่อแม่ เคยขัดใจท่าน เคยเถียงท่าน ควรบอกให้หมด) หนูสำนึกแล้ว ในกรรมนั้น ขอให้พ่อและแม่ อโหสิกรรมให้กับลูกในทุก ๆ เรื่อง"

หมายเหตุ :

กรณีที่คุณพ่อ เสียชีวิตไปแล้ว หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

- หลังจากที่ล้างเท้าคุณแม่เสร็จแล้วบอก ขอให้คุณแม่เป็นตัวแทนคุณพ่อ พร้อมขอให้ช่วยยกโทษ และอโหสิกรรมให้แทนคุณพ่อด้วย หลังจากนั้น ให้นำพวกมาลัยกับซองเงิน มาให้คุณแม่แล้ว จึงกราบเท้าคุณแม่แทนคุณพ่อ เพิ่มอีก 3 ครั้ง

กรณีที่คุณแม่ เสียชีวิตไปแล้ว หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

- หลังจากที่ล้างเท้าคุณพ่อเสร็จแล้วบอก ขอให้คุณพ่อเป็นตัวแทนคุณแม่ พร้อมขอให้ช่วยยกโทษ และอโหสิกรรมให้แทนคุณแม่ด้วย หลังจากนั้น ให้นำพวกมาลัยกับซองเงิน มาให้คุณพ่อแล้ว จึงกราบเท้าคุณพ่อแทนคุณแม่ เพิ่มอีก 3 ครั้ง

กรณีที่คุณพ่อ คุณแม่ เสียชีวิตไปแล้ว หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

- สำหรับกรณีนี้ ขอให้คุณพ่อหรือคุณแม่ของแฟนเป็นตัวแทนในการขอขมา แต่ถ้าไม่มีแฟน ก็เปลี่ยนเป็นคุณปู่ย่า ตายาย แทน แต่ถ้าไม่อีก ก็ให้ใช้พ่อแม่บุญธรรมแทน จะใช้พ่อบุญธรรมหรือแม่บุญธรรมเพียงคนเดียวแทนทั้งสองฝ่ายก็ได้ ถ้าไม่มีพ่อแม่บุญธรรม ให้หาครูบาอาจารย์ที่เราเคารพรักจริง ๆ แทนก็ได้ พร้อมทำตามขั้นตอนเหมือนที่ขอขมากับคุณพ่อคุณแม่ทุกอย่าง

อย่างไรก็ดี ขอให้เราพึงระลึกไว้เสมอว่า พิธีขอขมากรรมต่อพ่อแม่ เป็นเพียงการขอขมาให้ความผิดที่เราได้เคยกระทำต่อท่านเท่านั้น ดังนั้น หากต้องการตอบแทนท่านจริง ๆ ขอเพียงเราปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อท่าน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความรู้สึกของพ่อแม่แล้ว




บทความจาก...... facebook พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

 ภาษี รถยนต์ใหม่ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2559 ทำให้คนที่กำลังคิดจะ ซื้อรถ ต้องนั่งคำนวณตัวเลขกันวุ่นกับภาษีที่ต้องเสียเพิ่มขึ้น แต่งานนี้ Eco Car ได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ เพราะได้ลดภาษี !

        ใครที่กำลังวางแผนซื้อรถใหม่ในช่วงปี 2559 เตรียมเก็บเงินเพิ่มได้เลย เพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป รัฐบาลจะทำการปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากเห็นว่า การจัดเก็บภาษีในอัตราเดิมนั้นมีการบิดเบือนโครงสร้างทางภาษีสรรพสามิต และก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ จึงได้มีการคลอดเกณฑ์การจัดเก็บภาษีรถยนต์แบบใหม่ โดยพิจารณาจากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยหวังจะลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศนั่นเอง

        งานนี้เหล่าผู้ที่กำลังจะควักกระเป๋าซื้อรถประเภทอีโคคาร์ ดูเหมือนจะได้รับอานิสงส์จากภาษีใหม่ไปเต็ม ๆ เพราะเป็นรถประเภทที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่ไม่สูงมาก ทำให้อัตราการเก็บภาษีลดลงไปโดยปริยาย ขณะที่รถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่สูง ก็เตรียมก้มหน้ารับรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นตามปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาได้เลย ซึ่งแบ่งเป็นการคิดภาษีตามประเภทรถยนต์และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนี้


จากตารางที่แสดงอยู่ด้านบนทางด้านกรมสรรพสามิตแบ่งแยกรถยนต์อย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สามารถจำแยกเครื่องยนต์ออกไปอย่างละเอียดได้ อัตราภาษีจะอย่างในช่วง 10% จนไปถึง 50% เลยทีเดียว เราจะมาแบ่งแยกให้ชัดเจนเพื่อทำควมเข้าใจกับระบบการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่กัน โดยจะแบ่งออกเป็น 8 ประเภท

 1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)




# เก๋ง/เอสยูวี ไม่เกิน 2,000 ซีซี ภาษีขึ้น 3-10 %
รถยนต์นั่งในพิกัดนี้ ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วย

ในอัตราภาษีเดิม รถยนต์ซับคอมแพคท์ ที่รองรับน้ำมัน E20 เช่น โตโยตา วีออส, เชฟโรเลต์ โซนิค, ฟอร์ด ฟิเอสตา จะเสีย 25 % แต่อัตราใหม่ รถเหล่านี้ถ้าปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม

รถยนต์คอมแพคท์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,780-2,000 ซีซี และรองรับน้ำมัน E85 เช่น โตโยตา อัลทิส (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), ฮอนดา ซีวิค, เชฟโรเลต์ ครูซ (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), มาซดา 3 อัตราเดิมเสีย 22 % ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 % ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย

รถยนต์นั่งขนาดกลางและเอสยูวีหลายรุ่น ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เช่น โตโยตา แคมรี, ฮอนดา แอคคอร์ด, ฮอนดา ซีอาร์วี, นิสสัน เทอานา, มาซดา ซีเอกซ์-5 ฯลฯ มีทั้งรุ่นที่รองรับน้ำมัน E20 และ E85 ซึ่งถูกคิดภาษีอยู่ที่ 25 % และ 22 % ตามลำดับ รถระดับนี้ ส่วนใหญ่ยังคงปล่อยไอเสียในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตรอยู่ ดังนั้น จะเสียภาษี 35 % หรือ 30 % ขึ้นกับน้ำมันที่รองรับ

นอกจากนี้ รถยนต์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์ จนถึงขนาดกลางหลายรุ่น ก็จะถูกคิดภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยไอเสีย

# เก๋ง/เอสยูวี 2,001-2,500 ซีซี ภาษีแพงขึ้น
ในพิกัดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งและเอสยูวีขนาดกลาง รวมถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมบางรุ่น  ซึ่งเดิมเสียภาษี 30 % และ 27 % ขึ้นอยู่กับว่ารองรับน้ำมัน E20 หรือ E85 ซึ่งเท่าที่สำรวจรถในตลาด พบว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ระดับนี้ จะปล่อยไอเสีย 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นจะถูกเพิ่มภาษีเป็น 35 % สำหรับรถที่รองรับน้ำมัน E20 และ 30 % สำหรับบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 10%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
– ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

4. รถยนต์ Eco Car (เดิมจัดเก็บภาษี 17%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้ จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 14%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 17%

5. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

6. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%




7. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 12%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

8. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 20%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (PPV) ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 3,250 ซีซี จากเดิมเสียภาษี 20 % ทุกรุ่น ในอัตราใหม่จะเพิ่มเป็น 25 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร และ 30 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสียเกิน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ๋นั้นยังมีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร หมายความว่า ในปี 2559 รถพีพีวี จะเสียภาษีแพงขึ้นอีก 10 % แทบทุกรุ่น


จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่ารถยนต์ประเภทอีโคคาร์นั้นมาราคาถูกลง ซึ่งเป็นนโยบายที่ทางกรมสรรพสามิตต้องการสนับรถยนต์ประหยัดพลังงานและรักษ์โลกโดยจะปล่อยก๊าซ CO² ต่ำกว่า 100 g/km

 สรุป : ภาษีใหม่ = มาตรฐานใหม่
อัตราภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 % อย่างไรก็ตาม ภาษีใหม่นี้ จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้แก่วงการยานยนต์ไทย โดยจะกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และปล่อยไอเสียต่ำ เพื่อให้อยู่ในพิกัดภาษีที่เหมาะสม ดังนั้น ในระยะยาว คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน

 ที่มา : KHAOBOX  

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล


การดีท็อกซ์ลําไส้ เป็นการทำความสะอาดลำไส้ และกำจัดสิ่งสกปรก อย่างเช่น ของเสีย กากอาหาร และสารพิษที่ค้างอยู่ในลำไส้ ให้ออกมาจากร่างกาย 

เพราะการขับถ่ายธรรมดานั้นไม่สามารถขับสิ่งเหล่านี้ออกมาได้หมด ยิ่งรับประทานมามากก็ยิ่งมีโอกาสติดคางอยู่ในลำไส้ได้มากขึ้น อาหารจำพวกเนื้อจะจับตัวกัน เกาะติดที่ผนังลำไส้ ทำให้ร่างกายขับถ่ายได้ลำบาก เกิดอาการท้องผูก

เมื่อสิ่งตกค้างเหล่านี้บูดเน่าจะกลายเป็นสารพิษ ทำให้เกิดโรคต่างๆ อย่างเช่น ท้องผูก ท้องอืด ผายลมบ่อย อาหารไม่ย่อย ลำไส้อักเสบ ลมหายใจมีกลิ่น ลมพิษ ภูมิแพ้ หอบหืด ซึ่งการดีท็อกซ์ลําไส้ จะเป็นการช่วยทำความสะอาดลำไส้ ลดการเกิดโรคต่าง ๆ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น




เพราะการดีท็อกซ์ลําไส้ ส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ อย่างเช่น ตับ ถุงน้ำดี ต่อมน้ำเหลือง ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้มีความแข็งแรง และทำงานได้อย่างเป็นปกติ

ดีท็อกซ์ล้างลําไส้ 

สูตรการดีท็อกซ์ลําไส้นั้นคุณเองสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน แถมยังเป็นวิธีที่ง่ายอีกด้วยไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้ค่ะ




1. มะนาวแป้น น้ำเยอะ ครึ่งลูก
2. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
3. โยเกิร์ต(ใช้รสธรรมชาติเท่านั้น) ครึ่งถ้วย
4. นมสดรสจืด




วิธีทำ 

1. บีบน้ำมะนาวใส่แก้วดีท็อกซ์ล้างลําไส้
2. จากนั้น เติมน้ำผึ้ง ในปริมาณ 1 ช้อนชา ลงไป
3. ตักโยเกิร์ต ครึ่งถ้วยลงไป
4. เทนมโคแท้ 100 % จำนวน 1 กล่อง ลงไป
5. คนส่วนผสมทั้ง 4 อย่างให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ยกขึ้นดูว่าน้ำผึ้งไม่ติดช้อนแล้ว ควรทานทันทีไม่ควรตั้งทิ้งไว้ หรือนำไปแช่ตู้เย็น



ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการดีท็อกซ์ลําไส้ก็คือ ช่วยให้มีการขับของเสียได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งยาระบาย โดยเฉพาะท่านที่มักท้องผูก ช่วยให้ท่านที่มักมีอาการเบื่ออาหาร หรือรู้สึกปากขมทานอะไรไม่อร่อย มีการรับรสที่ดีขึ้น ช่วยล้างลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เกิดการระคายเคืองต่อระบบภายในร่างกาย ได้สารอาหารครบถ้วน




เพราะปริมาณ 1 แก้ว ที่ท่านทานในตอนเช้า สามารถทดแทนมื้อเช้าได้เช่นกัน สะดวก ประหยัด และไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องตุนอะไรเยอะแยะ อยากจะทานเมื่อไรค่อยไปหาซื้อมา


ที่มา...banlady.com 

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล


เคล็ดลับหุ่นเปรี้ยะ สูตรลดความอ้วนที่ยั่งยืน จากกาละแมร์




   ในขณะที่เรากำลังค้นคว้าหาสูตรลดความอ้วนกันอย่างบ้าคลั่ง และทำตามกันแบบไม่ลืมหูลืมตา เพียงเพราะได้ยินว่า “เขาบอกกันมาว่าเวิร์ค ลดได้จริงหลายสิบกิโลฯ” ด้วยความที่คนเราอยากผอมๆๆ เลยหลงลืมการใช้สติและปัญญาไตร่ตรองในความเป็นไปได้ หรือผลเสียที่จะตามมา


   สูตรลดความอ้วน 7 วัน 10 วัน 15 วัน กินครบแล้วจะลดเป็นสิบกิโลฯ หลังจากนั้นกินตามปกติแล้วจะไม่กลับมาอ้วนอีก มันมีจริงๆเหรอ!?

   ลองใช้สติคิดตามนะ สูตรอาหารที่บอกว่าผอม มันก็ต้องผอมสิ เพราะกินน้อยมาก น้อยกว่าที่คุณกินตามปกติที่จะทำให้อ้วน พอครบวันที่บอก น้ำหนักคุณก็ลดตามต้องการ แต่พอกลับมากินเหมือนเดิม น้ำหนักคุณจะเด้งดึ๋งขึ้นมาหรือเรียกว่าโยโย่นั่นเอง นี่สิคือชีวิตจริง เพราะร่างกายมันงงกับอาหารที่ได้รับ ได้มาน้อยมันไม่พอ เมื่อไหร่ได้อาหารมาเยอะๆต้องรีบเก็บสะสมเลย มันกลัวว่าเดี๋ยวไม่มีอาหารอีก ยิ่งคุณไม่เผาผลาญด้วยการออกกำลังกาย คราวนี้จะอ้วนกว่าเดิมเลยค่ะ

   แล้วเราจะทำอย่างไร ลองดูรูปร่างกายของฉันนะคะ รูปแรกตอน 20 ต้นๆ บวมๆอืดๆ คุณคงคุ้นตามาตลอด หลังจากนั้นคือ เดือน ก.ย. /ต.ค. /พ.ย./ ธ.ค. ปี2557และ ม.ค./ ก.พ./มี.ค. ปี2558 ซึ่งถ้าใครได้ตามอินสตาแกรมฉันมาตลอด รูปเหล่านี้ฉันเคยลงมาแล้วทั้งนั้น แต่ครั้งนี้วางเรียงให้เห็นชัดเจนขึ้น!


   ถ้าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในรูปร่างของคุณ จงค่อยๆทำไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อนว่าต้องผอมเร็วๆ แหม…เรากินสะสมมาหลายสิบปี จะเอาออกทั้งทีก็ให้เวลาร่างกายหน่อย




   สิ่งที่ฉันทำก็คือ ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง (โยคะ เวทเทรนนิ่ง คาร์ดิโอด้วยการวิ่งและเดิน) ทำสลับกันไป สัปดาห์ละ 5-6 วัน บรรจุการออกกำลังกายไว้ในตารางชีวิตตอนเช้าเป็นประจำ จะได้ไม่อ้างว่าไม่มีเวลา วันไหนเดินทางก็พยายามหาวิธีออกกำลังกายตามสถานที่ที่ไป

   อีกสิ่งที่ทำคือ ดูแลอาหารที่กินเข้าไปมากขึ้น ศึกษาหาความรู้ ดูจาก IG หลายๆคนที่ติดแฮชแท็ก #HealthyMary เข้ามา มันมีประโยชน์กับคนที่เริ่มทำอาหารมาก ฉันใส่ใจการกินแต่ของที่มีประโยชน์กับร่างกาย ตั้งแต่เลือกซื้อ ลงมือทำ ดื่มด่ำกับการกิน และล้างจานด้วยตัวเอง ฉันจึงค้นพบความสนุกและความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น


   อาหารที่ทำกินเองต้องเป็นอาหารที่เราจะกินมันไปได้เรื่อยๆ ไม่ใช่กินเพื่อ 7 วัน 1 เดือน หรือแค่ผอมแล้วพอ เพราะนี่คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไปตลอดชีวิต เราไม่ได้อยากผอม แต่เราอยากมีสุขภาพดีไปนานๆ มีร่างกายที่แข็งแรง ดูฟิตเฟิร์ม มีกล้ามเนื้อ

   บางคนเห็นอาหารที่ฉันลงมักถามว่า “อิ่มไหม? เป็นเราต้องกินสัก 3 จาน” ถ้ายังติดพฤติกรรมเดิมๆก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ ค่อยๆปรับกระเพาะอาหารไป มันจะเล็กลงเรื่อยๆเอง

   บางคนถามอีก “อาหารที่ทำอร่อยไหม?” รู้ไหมคะ ถ้าคุณได้ลองทำอาหารกินเอง คุณจะรู้สึกว่ามันอร่อย และมันจะอร่อยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คนเราก็ต้องมีพัฒนาการจริงไหมคะ คุณจะอิ่มอกอิ่มใจแน่ๆค่ะ

   “ยากไหม?” เป็นคำถามที่คนถามบ่อย ตอบว่า “ไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจ” ถ้าเรารักตัวเอง อยากเห็นตัวเองหุ่นดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย อยากแก่แบบยังโก้ ไม่มีอะไรสายถ้าจะเริ่มดูแลตัวเอง และเมื่อเริ่มทำได้แล้ว มันจะทำต่อไปได้เรื่อยๆ อย่าลืมเป้าหมายของคุณเป็นพอ

ขอให้คุณสนุกกับการดูแลตัวเอง แล้วคุณจะชอบร่างกายและชีวิตของคุณค่ะ

จากนิตยสาร lemonade ฉบับ พฤษภาคม 2558 หน้า 119

คอลัมน์ สวย รวย สุข  By กาละแมร์

เรื่อง กาละแมร์ – พัชรศรี เบญจมาศ

ภาพ IG:karamare

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล


1. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก ฯ

2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ ฯ




3. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ ฯ

4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ

5. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ

6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ

นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา

ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด




7. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล ฯ

8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี ฯ

9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง ฯ

10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว ฯ

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



บทความจาก...... facebook พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล