WHAT'S NEW?
Loading...

12 สิ่งที่ควรตัดทิ้งไปซะ..แล้วชีวิตจะดีขึ้นทันตา


12 สิ่งที่ควรตัดทิ้งไปซะ..แล้วชีวิตจะดีขึ้นทันตา

พ่อแม่มักจะปลูกฝังความคิดให้เราว่าไม่ควรหนีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าปัญหานั้นจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์แค่ไหนก็ตาม เนื่องจากในชีวิตจริงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหนีปัญหานั้นเพียงเพราะว่าเราไม่ชอบมัน พ่อแม่พยายามสอนลูกๆของตัวเองให้มีความคิดแบบนั้นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เราโตพอที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว และได้ลองพิจารณาใคร่ครวญถึงปัญหาอย่างจริงจัง บอกได้เลยว่ามีบางอย่างที่พวกพ่อแม่ของเราก็คิดผิดอยู่บ้างเหมือนกัน




บางครั้งเราต้องเลิกทำบางอย่างหรือถอยออกมา บางครั้งลองพยายามแล้วแต่มันไม่ได้ผลก็จะเสียเวลาทำไปทำไมล่ะ! มองหาหนทางใหม่ๆจะดีกว่าไหม ผู้คนอาจจะฉุดรั้งคุณ งานจะทำให้คุณเป็นบ้า และความเสียใจจะคอยทำร้ายคุณทั้งภายในและภายนอก หากมีอะไรที่อยู่ในชีวิตเราตอนนี้แล้วไม่ได้ทำให้เราดีขึ้นเลย หรือไม่ตอบสนองความต้องการของเรา แล้วเราจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะ ทิ้งมันไปซะ!

1. ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอน
ความสัมพันธ์ที่เหมือนไม่ใช่ความสัมพันธ์ มีแค่เซ็กส์ห่วยๆกับบทสนทนาขยะ เลิกๆไปซะ

2. งานที่คุณไม่ชอบ
การลาออกไม่เหมือนกับการถูกไล่ออก การลาออกไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การไม่พยายามหางานที่เหมาะกับคุณต่างหากที่น่าอายกว่า ถ้าคุณไม่ชอบก็ลาออกเลย หากคุณขี้เกียจทำงาน งั้นก็หางานที่สร้างรายได้โดยที่คุณไม่ต้องลุกจากเตียงสิ แต่ยังไงก็ควรมีเหตุผลในการลาออกเสมอ

3. เพื่อนที่เกาะติดคุณเป็นปลิง
ไม่มีกฎข้อบังคับเรื่องมิตรภาพ การเป็นเพื่อนกันมานาน 10 ปีไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นหนี้เพื่อน 10 ปีสักหน่อย หากทุกครั้งที่เพื่อนคนนี้ชวนคุณไปเที่ยวแต่คุณมักหาข้อแก้ตัวเสมอ ก็เลิกคบไปเถอะ การที่ต้องคอยปฏิเสธคนๆหนึ่งนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เราจริงใจกับเขา

4. เพื่อนที่คุณต้องคอยเอาใจ
บางครั้งคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองก่อนที่จะสร้างความสัมพันธ์อื่นๆไม่ว่าจะเป็นความรักหรืออะไรก็ตาม หากคุณรักเพื่อนมากกว่าตัวเอง ก็ได้เวลาที่จะต้องทบทวนความคิดใหม่ซะแล้ว ใช่บางครั้งเพื่อนคุณก็อาจมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ อย่าทอดทิ้งเขา แต่ถ้าเพื่อนคนนี้ต้องการความช่วยเหลือทุกวัน มันก็ไม่ใช่แล้วนะ ว่ามะ?

5. เพื่อนร่วมห้องเห่ยๆ
มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง “คุณเข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ดีไหม” กับ “บ่อยแค่ไหนที่คุณคิดอยากจะกระโดดหน้าผา” หากคุณไม่ชอบคนที่คุณต้องอาศัยอยู่ด้วย ชีวิตของคุณก็อาจน่าเบื่อไปเลยก็ได้ จะเสียเวลากับคนที่ไม่เคารพคุณทำไมล่ะ ไล่พวกเขาไปเลยอย่าไปแคร์

6. เมืองที่พรากความเป็นตัวตนของคุณไป
หากเมืองนี้ไม่ทำให้คุณมีความสุขหรือต้องสูญเสียความเป็นตัวตนของคุณไป ก็ยังมีอีกตั้งหลายล้านเมืองในโลกที่รอคุณไปใช้ชีวิตนะ

7. อนาคตที่คุณไม่ต้องการ
คุณมีสิทธิ์หนีจากความฝันที่ไม่ใช่ของคุณ การปฏิเสธความฝันที่คนอื่นสร้างให้คุณไม่ใช่เรื่องน่าอาย เรียกได้ว่าคุณเข้มแข็งและซื่อสัตย์ต่อตัวเองต่างหาก การใช้ชีวิตเพื่อตัวเองคือชีวิตที่มีเกียรติที่สุด อย่ากลัวที่จะวิ่งหนีหากเป้าหมายต่อไปคือสิ่งที่ดีกว่า และมันเป็นความสุขของคุณมากกว่า

8. ความคิดเห็นที่ฉุดคุณต่ำลง
จะไปสนใจความคิดของคนอื่นทำไม เนื่องจากความคิดเหล่านั้นทั้งไร้เหตุผลและไม่สำคัญต่อชีวิตของคุณเลย อย่าปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมามีอิทธิพลต่อตัวคุณ

9. ตัวตนเก่าๆของคุณ
ใครบอกว่ามนุษย์เรามีแค่เวอร์ชั่นเดียว ใน 1 ปีเราสามารถอัพเดทตัวเองได้บ่อยพอๆกับผลิตภัณฑ์ Apple เลยล่ะ คนเรามักมีหลายเวอร์ชั่นอยู่ในตัวเอง รวมทั้งความคิดที่เติบโตขึ้นด้วย ดังนั้นอย่าอายที่จะสลัดตัวตนเก่าๆของตัวเองทิ้งไป




10. คนที่คุณไม่กล้าปฏิเสธ
คุณต้องกล้าปฏิเสธสักครั้ง หรือถ้ามีพลังมากพอก็กำจัดคนเหล่านี้ออกจากชีวิตของคุณไปเลยได้ยิ่งดี เพราะคุณกำลังทำงานให้กับคนที่ไม่มีวันจะตอบแทนอะไรดีๆคืนกลับมาให้คุณเลย

11. ความล้มเหลวทั้งปวง
คุณควรหนีให้พ้นจากความล้มเหลว หากทำไม่ได้แล้วคุณจะพบกับความสำเร็จได้อย่างไร เก็บความล้มเหลวไว้ในอดีตก็พอ คุณควรเรียนรู้จากความล้มเหลวและเติบโตจากสิ่งนั้น แล้วค่อยเขวี้ยงมันทิ้งไปให้ไกลๆ

12. การเปรียบเทียบ
ทำไมคุณต้องละทิ้งตัวเองและวิ่งเข้าหาคนอื่นล่ะ? นั่นหมายถึงคุณกำลังถอยหลังลงคลองนะ คุณควรค้นหาตัวเองให้เจอ อย่ามัวแต่ตามหาสิ่งที่คุณไม่มี นี่คือตัวคุณ ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรอก ยิ่งคุณหนีจากการเปรียบเทียบเหล่านั้นได้เร็วเท่าไร ผู้คนก็จะยิ่งเริ่มหันมาเปรียบเทียบตัวเองกับคุณได้เร็วเท่านั้น

 ที่มา : KHAOBOX   

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

วิธีขอขมาพ่อแม่ ใครที่ยังมีโอกาสอยู่ รีบทำตอนนี้ดีกว่าไปเคาะโลง



ใครที่ยังไม่เคยทำและยังมีโอกาสอยู่ รีบทำตอนนี้ดีกว่าไป เคาะโลง อย่าอายที่จะทำดี!! 


การขอขมาพ่อแม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตทำได้ทุกเทศกาล ใครที่อยากขอขมาในสิ่งที่ทำไม่ดีกับพ่อ-แม่ แต่ไม่รู้วิธีขอขมาพ่อแม่ สิ่งที่ควรเตรียมก่อนขอขมาพ่อแม่ ลองมาดู วิธีขอขมาพ่อแม่กันเลย

สำหรับการขอขมาพ่อแม่ เป็นสิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนควรทำ เพราะใน 1 ปีที่ผ่านมา เราไม่อาจรู้ได้ว่า มีสิ่งใดบ้างที่เราทำลงไป และเป็นเหตุให้พ่อแม่ไม่พอใจ ไม่สบายใจบ้าง ไม่ว่าโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม และการขอขมาพ่อแม่ ยังเป็นแสดงออกถึงความสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาอีกด้วย ซึ่งการขอขมาพ่อแม่สามารถทำได้ทุกวัน และทุกเทศกาล




ดังนั้นหากใครที่อยากขอขมาในสิ่งที่ทำไม่ดีกับพ่อ-แม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว ลองมาดู วิธีขอขมาพ่อแม่ และบทสวดขอขมากรรม ที่เรานำมาฝากกันค่ะ

วิธีการขอขมากรรมกับบิดามารดาอย่างถูกวิธี

สิ่งที่ควรเตรียมในการขอขมาพ่อแม่

1. พานธูปเทียนแพ และพวงมาลัย ที่มีดอกมะลิ ในพวงมาลัย 1 พวง

2. ซองใส่ปัจจัยให้พ่อแม่เ ถือเป็นการซื้อชีวิตใหม่จากบุพการี

3. ชุดใหม่ให้พ่อแม่ นิยมเป็นชุดนอน และอาหารที่ท่านโปรด

4. กะลังมังใบใหม่ใส่น้ำอุ่น น้ำลอยดอกมะลิ หรืออาจจะเป็นน้ำใส่น้ำอบให้หอม ๆ

5. ผ้าเช็ดมือ เช็ดเท้าผืนใหม่

6. ผ้าขาวดิบ

7. ถาดใส่ของ (วางทับด้วยผ้าขาวดิบ)

8. สถานที่ทำพิธีขอขมา ควรเป็นกลางแจ้ง

หมายเหตุ : หากไม่มี หรือไม่สามารถ เตรียมตามความพร้อมทั้งหลายเหล่านี้ได้ ท่านสามาถกระทำเพียงน้อมจิตตั้ง นโมฯ ทำการกล่าวคำสมาลาโทษได้เลย

วิธีขอขมาพ่อแม่

ขั้นตอนในการขอขมาพ่อแม่

1. ก่อนทำพิธีขอขมาพ่อแม่ ให้อธิษฐานจิตบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ดังนี้

"องค์พระพุทธเจ้า ลูกชื่อ................................... วันนี้ลูกตั้งใจจะขอขมา ขอโอสิกรรมจากคุณพ่อคุณ แม่

ขอองค์พระพุทธจงบันดาลให้ลูกทำสิ่งนี้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ด้วยเทอญ

แม่ซื้อ เทพยดาทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทาง พระแม่ทรณี พระแม่คง พระแม่พระพาย พระแม่พระเพลิง

วันนี้ เวลานี้ ลูกชื่อ...............................ได้ตั้งใจที่จะทำพิธีขอขมา ขออโหสิกรรมจากคุณพ่อ คุณแม่ ขอจงเป็นพยานให้ลูกด้วยเทอญ"

2. ให้พ่อกับแม่นั่งบนเก้าอี้หรือโซฟา ขณะที่เรานั่งกับพื้น พร้อมกราบท่าน 3 ครั้ง

3. ให้ยกเท้าของท่านมาล้างในกะละมังน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ โดยขณะที่ล้างเท้าให้ท่านอยู่นั้น ก็กล่าว ขอขมากรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกินท่าน ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคต ทั้งกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี หรือในสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ ลูกกราบขออโหสิกรรมในสิ่งเหล่านั้นด้วย

4. หลังจากที่เราล้างเท้าท่านไป พูดไป จนเสร็จ ก็ให้นำเท้าของท่านมาวางบนขาเรา ซึ่งมีผ้าเช็ดเท้ารองอยู่ หลังจากนั้น ก็ให้เช็ดเท้าท่านให้แห้ง

5. เมื่อเช็ดเท้าของท่านแห้งดีแล้ว ก็ให้นำเท้าของท่านมาวางไว้บนขาเราก่อน และอธิฐานจิตพร้อมพูดบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ อีกครั้งว่า

"พระแม่ธรณีเจ้าขา พระแม่คงคาเจ้าขา พระแม่พระพายเจ้าขา พระแม่พระเพลิงเจ้าขา

ลูกมาขอกราบขมาลาโทษ ขอเป็นทิพยญาณ นำความดีและกุศลผลบุญที่ลูกทำในครั้งนี้

ไปบอกปู่ยมราช และนายนิติยบาลให้ด้วย ให้ช่วยจดบันทึกคุณงามความดีครั้งนี้ ที่ผ่านมา

ลูกจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ลูกขอรับใช้กรรม แต่หลังจากนี้ไป ลูกกราบขอชีวิตใหม่จากบุพการี"

6. จากนั้นให้เราก้มหมอบลง และนำเท้าท่านมาวางบนหัวเรา

7. หลังจากนั้น ก็นำพานธูปเทียนแพมามอบให้กับกับท่าน พร้อมพูดว่า

"พ่อคะ/แม่คะ ลูกขอขมา ขออโหสิกรรม ขอชีวิตใหม่ที่ดีให้ลูกด้วยนะคะ (ท่านก็จะพูดให้ศีลให้พร ให้ชีวิตใหม่กับเรา)"

8. สุดท้าย ให้อธิษฐานจิตอีกครั้งถึงพระพุทธเจ้า พร้อมกล่าวว่า

"ลูกชื่อ.............................ขออนุโมทนาบุญ จากพระพุทธเจ้า ให้สำเร็จบุญนี้ให้ลูกด้วย

ลูกขอนำกุศลบุญส่วนหนึ่ง อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่ติดตามลูกมาแต่อดีตชาติจนปัจจุบัน ให้รับกุศลของลูก ณ บัดนี้ เดี๋ยวนี้........

(เราพูดเองต่อ ขานเอง เออเอง) รับเลยจ๊ะ รับแล้วใช่ไหมจ๊ะ สาธุ สาธุ สาธุ"




คำกล่าว ขอขมาพ่อแม่

นอกจากคำกล่าวขอขมาข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งคำกล่าวที่สามารถใช้ในพิธีขอขมาได้เช่นกัน คือ

"กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส ที่ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) ประมาทพลาดพลั้งทำผิดมาในชาตินี้ ตั้งแต่เกิด จนถึงปัจจุบัน (หากนึกเรื่องได้ เช่น เคยด่าว่าพ่อแม่ เคยขัดใจท่าน เคยเถียงท่าน ควรบอกให้หมด) หนูสำนึกแล้ว ในกรรมนั้น ขอให้พ่อและแม่ อโหสิกรรมให้กับลูกในทุก ๆ เรื่อง"

หมายเหตุ :

กรณีที่คุณพ่อ เสียชีวิตไปแล้ว หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

- หลังจากที่ล้างเท้าคุณแม่เสร็จแล้วบอก ขอให้คุณแม่เป็นตัวแทนคุณพ่อ พร้อมขอให้ช่วยยกโทษ และอโหสิกรรมให้แทนคุณพ่อด้วย หลังจากนั้น ให้นำพวกมาลัยกับซองเงิน มาให้คุณแม่แล้ว จึงกราบเท้าคุณแม่แทนคุณพ่อ เพิ่มอีก 3 ครั้ง

กรณีที่คุณแม่ เสียชีวิตไปแล้ว หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

- หลังจากที่ล้างเท้าคุณพ่อเสร็จแล้วบอก ขอให้คุณพ่อเป็นตัวแทนคุณแม่ พร้อมขอให้ช่วยยกโทษ และอโหสิกรรมให้แทนคุณแม่ด้วย หลังจากนั้น ให้นำพวกมาลัยกับซองเงิน มาให้คุณพ่อแล้ว จึงกราบเท้าคุณพ่อแทนคุณแม่ เพิ่มอีก 3 ครั้ง

กรณีที่คุณพ่อ คุณแม่ เสียชีวิตไปแล้ว หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

- สำหรับกรณีนี้ ขอให้คุณพ่อหรือคุณแม่ของแฟนเป็นตัวแทนในการขอขมา แต่ถ้าไม่มีแฟน ก็เปลี่ยนเป็นคุณปู่ย่า ตายาย แทน แต่ถ้าไม่อีก ก็ให้ใช้พ่อแม่บุญธรรมแทน จะใช้พ่อบุญธรรมหรือแม่บุญธรรมเพียงคนเดียวแทนทั้งสองฝ่ายก็ได้ ถ้าไม่มีพ่อแม่บุญธรรม ให้หาครูบาอาจารย์ที่เราเคารพรักจริง ๆ แทนก็ได้ พร้อมทำตามขั้นตอนเหมือนที่ขอขมากับคุณพ่อคุณแม่ทุกอย่าง

อย่างไรก็ดี ขอให้เราพึงระลึกไว้เสมอว่า พิธีขอขมากรรมต่อพ่อแม่ เป็นเพียงการขอขมาให้ความผิดที่เราได้เคยกระทำต่อท่านเท่านั้น ดังนั้น หากต้องการตอบแทนท่านจริง ๆ ขอเพียงเราปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดี กตัญญูต่อท่าน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความรู้สึกของพ่อแม่แล้ว




บทความจาก...... facebook พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

ภาษีรถยนต์ใหม่ เริ่มใช้ปี 59 เรื่องที่คนเตรียมถอยรถป้ายแดงควรรู้

 ภาษี รถยนต์ใหม่ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2559 ทำให้คนที่กำลังคิดจะ ซื้อรถ ต้องนั่งคำนวณตัวเลขกันวุ่นกับภาษีที่ต้องเสียเพิ่มขึ้น แต่งานนี้ Eco Car ได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ เพราะได้ลดภาษี !

        ใครที่กำลังวางแผนซื้อรถใหม่ในช่วงปี 2559 เตรียมเก็บเงินเพิ่มได้เลย เพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป รัฐบาลจะทำการปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากเห็นว่า การจัดเก็บภาษีในอัตราเดิมนั้นมีการบิดเบือนโครงสร้างทางภาษีสรรพสามิต และก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ จึงได้มีการคลอดเกณฑ์การจัดเก็บภาษีรถยนต์แบบใหม่ โดยพิจารณาจากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยหวังจะลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศนั่นเอง

        งานนี้เหล่าผู้ที่กำลังจะควักกระเป๋าซื้อรถประเภทอีโคคาร์ ดูเหมือนจะได้รับอานิสงส์จากภาษีใหม่ไปเต็ม ๆ เพราะเป็นรถประเภทที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่ไม่สูงมาก ทำให้อัตราการเก็บภาษีลดลงไปโดยปริยาย ขณะที่รถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่สูง ก็เตรียมก้มหน้ารับรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นตามปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาได้เลย ซึ่งแบ่งเป็นการคิดภาษีตามประเภทรถยนต์และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนี้


จากตารางที่แสดงอยู่ด้านบนทางด้านกรมสรรพสามิตแบ่งแยกรถยนต์อย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สามารถจำแยกเครื่องยนต์ออกไปอย่างละเอียดได้ อัตราภาษีจะอย่างในช่วง 10% จนไปถึง 50% เลยทีเดียว เราจะมาแบ่งแยกให้ชัดเจนเพื่อทำควมเข้าใจกับระบบการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่กัน โดยจะแบ่งออกเป็น 8 ประเภท

 1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)




# เก๋ง/เอสยูวี ไม่เกิน 2,000 ซีซี ภาษีขึ้น 3-10 %
รถยนต์นั่งในพิกัดนี้ ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วย

ในอัตราภาษีเดิม รถยนต์ซับคอมแพคท์ ที่รองรับน้ำมัน E20 เช่น โตโยตา วีออส, เชฟโรเลต์ โซนิค, ฟอร์ด ฟิเอสตา จะเสีย 25 % แต่อัตราใหม่ รถเหล่านี้ถ้าปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม

รถยนต์คอมแพคท์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,780-2,000 ซีซี และรองรับน้ำมัน E85 เช่น โตโยตา อัลทิส (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), ฮอนดา ซีวิค, เชฟโรเลต์ ครูซ (เฉพาะเครื่อง 1,800 ซีซี), มาซดา 3 อัตราเดิมเสีย 22 % ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 % ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 % ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย

รถยนต์นั่งขนาดกลางและเอสยูวีหลายรุ่น ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เช่น โตโยตา แคมรี, ฮอนดา แอคคอร์ด, ฮอนดา ซีอาร์วี, นิสสัน เทอานา, มาซดา ซีเอกซ์-5 ฯลฯ มีทั้งรุ่นที่รองรับน้ำมัน E20 และ E85 ซึ่งถูกคิดภาษีอยู่ที่ 25 % และ 22 % ตามลำดับ รถระดับนี้ ส่วนใหญ่ยังคงปล่อยไอเสียในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตรอยู่ ดังนั้น จะเสียภาษี 35 % หรือ 30 % ขึ้นกับน้ำมันที่รองรับ

นอกจากนี้ รถยนต์ระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขนาดซับคอมแพคท์ จนถึงขนาดกลางหลายรุ่น ก็จะถูกคิดภาษีเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยไอเสีย

# เก๋ง/เอสยูวี 2,001-2,500 ซีซี ภาษีแพงขึ้น
ในพิกัดนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งและเอสยูวีขนาดกลาง รวมถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมบางรุ่น  ซึ่งเดิมเสียภาษี 30 % และ 27 % ขึ้นอยู่กับว่ารองรับน้ำมัน E20 หรือ E85 ซึ่งเท่าที่สำรวจรถในตลาด พบว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ระดับนี้ จะปล่อยไอเสีย 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร ดังนั้นจะถูกเพิ่มภาษีเป็น 35 % สำหรับรถที่รองรับน้ำมัน E20 และ 30 % สำหรับบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 10%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
– ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

4. รถยนต์ Eco Car (เดิมจัดเก็บภาษี 17%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้ จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 14%
– ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 17%

5. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%

6. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%




7. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 12%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
– ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%

8. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 20%)
– ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
– ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%

รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (PPV) ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 3,250 ซีซี จากเดิมเสียภาษี 20 % ทุกรุ่น ในอัตราใหม่จะเพิ่มเป็น 25 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร และ 30 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสียเกิน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ๋นั้นยังมีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร หมายความว่า ในปี 2559 รถพีพีวี จะเสียภาษีแพงขึ้นอีก 10 % แทบทุกรุ่น


จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่ารถยนต์ประเภทอีโคคาร์นั้นมาราคาถูกลง ซึ่งเป็นนโยบายที่ทางกรมสรรพสามิตต้องการสนับรถยนต์ประหยัดพลังงานและรักษ์โลกโดยจะปล่อยก๊าซ CO² ต่ำกว่า 100 g/km

 สรุป : ภาษีใหม่ = มาตรฐานใหม่
อัตราภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 % อย่างไรก็ตาม ภาษีใหม่นี้ จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้แก่วงการยานยนต์ไทย โดยจะกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และปล่อยไอเสียต่ำ เพื่อให้อยู่ในพิกัดภาษีที่เหมาะสม ดังนั้น ในระยะยาว คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน

 ที่มา : KHAOBOX  

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

สูตรดีท็อกซ์ล้างลําไส้ กำจัดสิ่งสกปรก เปล่งปลั่ง สดใส


การดีท็อกซ์ลําไส้ เป็นการทำความสะอาดลำไส้ และกำจัดสิ่งสกปรก อย่างเช่น ของเสีย กากอาหาร และสารพิษที่ค้างอยู่ในลำไส้ ให้ออกมาจากร่างกาย 

เพราะการขับถ่ายธรรมดานั้นไม่สามารถขับสิ่งเหล่านี้ออกมาได้หมด ยิ่งรับประทานมามากก็ยิ่งมีโอกาสติดคางอยู่ในลำไส้ได้มากขึ้น อาหารจำพวกเนื้อจะจับตัวกัน เกาะติดที่ผนังลำไส้ ทำให้ร่างกายขับถ่ายได้ลำบาก เกิดอาการท้องผูก

เมื่อสิ่งตกค้างเหล่านี้บูดเน่าจะกลายเป็นสารพิษ ทำให้เกิดโรคต่างๆ อย่างเช่น ท้องผูก ท้องอืด ผายลมบ่อย อาหารไม่ย่อย ลำไส้อักเสบ ลมหายใจมีกลิ่น ลมพิษ ภูมิแพ้ หอบหืด ซึ่งการดีท็อกซ์ลําไส้ จะเป็นการช่วยทำความสะอาดลำไส้ ลดการเกิดโรคต่าง ๆ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น




เพราะการดีท็อกซ์ลําไส้ ส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ อย่างเช่น ตับ ถุงน้ำดี ต่อมน้ำเหลือง ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้มีความแข็งแรง และทำงานได้อย่างเป็นปกติ

ดีท็อกซ์ล้างลําไส้ 

สูตรการดีท็อกซ์ลําไส้นั้นคุณเองสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน แถมยังเป็นวิธีที่ง่ายอีกด้วยไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้ค่ะ




1. มะนาวแป้น น้ำเยอะ ครึ่งลูก
2. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
3. โยเกิร์ต(ใช้รสธรรมชาติเท่านั้น) ครึ่งถ้วย
4. นมสดรสจืด




วิธีทำ 

1. บีบน้ำมะนาวใส่แก้วดีท็อกซ์ล้างลําไส้
2. จากนั้น เติมน้ำผึ้ง ในปริมาณ 1 ช้อนชา ลงไป
3. ตักโยเกิร์ต ครึ่งถ้วยลงไป
4. เทนมโคแท้ 100 % จำนวน 1 กล่อง ลงไป
5. คนส่วนผสมทั้ง 4 อย่างให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ยกขึ้นดูว่าน้ำผึ้งไม่ติดช้อนแล้ว ควรทานทันทีไม่ควรตั้งทิ้งไว้ หรือนำไปแช่ตู้เย็น



ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการดีท็อกซ์ลําไส้ก็คือ ช่วยให้มีการขับของเสียได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งยาระบาย โดยเฉพาะท่านที่มักท้องผูก ช่วยให้ท่านที่มักมีอาการเบื่ออาหาร หรือรู้สึกปากขมทานอะไรไม่อร่อย มีการรับรสที่ดีขึ้น ช่วยล้างลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เกิดการระคายเคืองต่อระบบภายในร่างกาย ได้สารอาหารครบถ้วน




เพราะปริมาณ 1 แก้ว ที่ท่านทานในตอนเช้า สามารถทดแทนมื้อเช้าได้เช่นกัน สะดวก ประหยัด และไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องตุนอะไรเยอะแยะ อยากจะทานเมื่อไรค่อยไปหาซื้อมา


ที่มา...banlady.com 

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

เคล็ดลับหุ่นเปรี้ยะ สูตรลดความอ้วนที่ยั่งยืน จากกาละแมร์


เคล็ดลับหุ่นเปรี้ยะ สูตรลดความอ้วนที่ยั่งยืน จากกาละแมร์




   ในขณะที่เรากำลังค้นคว้าหาสูตรลดความอ้วนกันอย่างบ้าคลั่ง และทำตามกันแบบไม่ลืมหูลืมตา เพียงเพราะได้ยินว่า “เขาบอกกันมาว่าเวิร์ค ลดได้จริงหลายสิบกิโลฯ” ด้วยความที่คนเราอยากผอมๆๆ เลยหลงลืมการใช้สติและปัญญาไตร่ตรองในความเป็นไปได้ หรือผลเสียที่จะตามมา


   สูตรลดความอ้วน 7 วัน 10 วัน 15 วัน กินครบแล้วจะลดเป็นสิบกิโลฯ หลังจากนั้นกินตามปกติแล้วจะไม่กลับมาอ้วนอีก มันมีจริงๆเหรอ!?

   ลองใช้สติคิดตามนะ สูตรอาหารที่บอกว่าผอม มันก็ต้องผอมสิ เพราะกินน้อยมาก น้อยกว่าที่คุณกินตามปกติที่จะทำให้อ้วน พอครบวันที่บอก น้ำหนักคุณก็ลดตามต้องการ แต่พอกลับมากินเหมือนเดิม น้ำหนักคุณจะเด้งดึ๋งขึ้นมาหรือเรียกว่าโยโย่นั่นเอง นี่สิคือชีวิตจริง เพราะร่างกายมันงงกับอาหารที่ได้รับ ได้มาน้อยมันไม่พอ เมื่อไหร่ได้อาหารมาเยอะๆต้องรีบเก็บสะสมเลย มันกลัวว่าเดี๋ยวไม่มีอาหารอีก ยิ่งคุณไม่เผาผลาญด้วยการออกกำลังกาย คราวนี้จะอ้วนกว่าเดิมเลยค่ะ

   แล้วเราจะทำอย่างไร ลองดูรูปร่างกายของฉันนะคะ รูปแรกตอน 20 ต้นๆ บวมๆอืดๆ คุณคงคุ้นตามาตลอด หลังจากนั้นคือ เดือน ก.ย. /ต.ค. /พ.ย./ ธ.ค. ปี2557และ ม.ค./ ก.พ./มี.ค. ปี2558 ซึ่งถ้าใครได้ตามอินสตาแกรมฉันมาตลอด รูปเหล่านี้ฉันเคยลงมาแล้วทั้งนั้น แต่ครั้งนี้วางเรียงให้เห็นชัดเจนขึ้น!


   ถ้าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในรูปร่างของคุณ จงค่อยๆทำไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อนว่าต้องผอมเร็วๆ แหม…เรากินสะสมมาหลายสิบปี จะเอาออกทั้งทีก็ให้เวลาร่างกายหน่อย




   สิ่งที่ฉันทำก็คือ ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง (โยคะ เวทเทรนนิ่ง คาร์ดิโอด้วยการวิ่งและเดิน) ทำสลับกันไป สัปดาห์ละ 5-6 วัน บรรจุการออกกำลังกายไว้ในตารางชีวิตตอนเช้าเป็นประจำ จะได้ไม่อ้างว่าไม่มีเวลา วันไหนเดินทางก็พยายามหาวิธีออกกำลังกายตามสถานที่ที่ไป

   อีกสิ่งที่ทำคือ ดูแลอาหารที่กินเข้าไปมากขึ้น ศึกษาหาความรู้ ดูจาก IG หลายๆคนที่ติดแฮชแท็ก #HealthyMary เข้ามา มันมีประโยชน์กับคนที่เริ่มทำอาหารมาก ฉันใส่ใจการกินแต่ของที่มีประโยชน์กับร่างกาย ตั้งแต่เลือกซื้อ ลงมือทำ ดื่มด่ำกับการกิน และล้างจานด้วยตัวเอง ฉันจึงค้นพบความสนุกและความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น


   อาหารที่ทำกินเองต้องเป็นอาหารที่เราจะกินมันไปได้เรื่อยๆ ไม่ใช่กินเพื่อ 7 วัน 1 เดือน หรือแค่ผอมแล้วพอ เพราะนี่คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไปตลอดชีวิต เราไม่ได้อยากผอม แต่เราอยากมีสุขภาพดีไปนานๆ มีร่างกายที่แข็งแรง ดูฟิตเฟิร์ม มีกล้ามเนื้อ

   บางคนเห็นอาหารที่ฉันลงมักถามว่า “อิ่มไหม? เป็นเราต้องกินสัก 3 จาน” ถ้ายังติดพฤติกรรมเดิมๆก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ ค่อยๆปรับกระเพาะอาหารไป มันจะเล็กลงเรื่อยๆเอง

   บางคนถามอีก “อาหารที่ทำอร่อยไหม?” รู้ไหมคะ ถ้าคุณได้ลองทำอาหารกินเอง คุณจะรู้สึกว่ามันอร่อย และมันจะอร่อยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คนเราก็ต้องมีพัฒนาการจริงไหมคะ คุณจะอิ่มอกอิ่มใจแน่ๆค่ะ

   “ยากไหม?” เป็นคำถามที่คนถามบ่อย ตอบว่า “ไม่มีอะไรยากเกินความตั้งใจ” ถ้าเรารักตัวเอง อยากเห็นตัวเองหุ่นดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย อยากแก่แบบยังโก้ ไม่มีอะไรสายถ้าจะเริ่มดูแลตัวเอง และเมื่อเริ่มทำได้แล้ว มันจะทำต่อไปได้เรื่อยๆ อย่าลืมเป้าหมายของคุณเป็นพอ

ขอให้คุณสนุกกับการดูแลตัวเอง แล้วคุณจะชอบร่างกายและชีวิตของคุณค่ะ

จากนิตยสาร lemonade ฉบับ พฤษภาคม 2558 หน้า 119

คอลัมน์ สวย รวย สุข  By กาละแมร์

เรื่อง กาละแมร์ – พัชรศรี เบญจมาศ

ภาพ IG:karamare

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ธรรมะจากหลวงพ่อจรัญ


1. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก ฯ

2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ ฯ




3. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ ฯ

4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ

5. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ

6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ

นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา

ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด




7. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล ฯ

8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี ฯ

9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง ฯ

10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว ฯ

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



บทความจาก...... facebook พระอธิการ นพดล กันตสีโล วัดหนองรั้ว

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

เป็นวิทยาทาน หญิงวัย 62 ปี รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยใบมะละกอสด





   สตรีวัย 62 ปี ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ เนื่องจากสภาพหัวใจไม่เอื้ออำนวยคณะแพทย์จึงแนะนำให้ดื่มสารสกัดมะละกอชนิดเข้มข้น

   ครั้นเวลาผ่านไป 5 - 6 วัน อาการปวดของเธอบรรเทาลง 3 เดือนต่อมา อาการท้องอืดและอาการอาเจียนของเธอก็หยุดลง และเมื่อดื่มครบ 1 ปี เนื้องอกก็แทบไม่เหลือร่องรอยให้ตรวจพบอีกเลย

   สำหรับการทำใบมะละกอสกัด ก็ไม่ยุ่งยากเพียงคัดใบมะละกอที่มีขนาดปานกลางไม่อ่อนและแก่เกินไปประมาณ 7 ใบนำมาล้างให้สะอาดแล้วนำไปตากแห้งพอหมาดๆแล้วนำมาหั่น เป็นฝอยๆ

   จากนั้นนำไปวางในกระทะแล้วเติมน้ำลงไปประมาณ 2 ลิตร ต้มให้เดือดโดยตั้งไฟอ่อนๆ ไม่ต้องปิดฝาต้มจนน้ำในกระทะเหลือเพียงครึ่งเดียว




   แล้วนำมากรองเอาน้ำใส่ขวดปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 3-4 วัน หากสีเริ่มขุ่นข้นแสดงว่าใช้ไม่ได้แล้ว ปริมาณการใช้ 3 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง จะดื่มโดยลำพัง หรือผสมน้ำผลไม้ก็ได้

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

เคล็ดวิธีการบูชาเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์!!! ที่อยู่ใกล้ตัวเรา รับรองรวยแน่นอน ถ้าทำตามนี้ ลองแล้วเห็นผล 100 % #ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!


วิธีการ…เพิ่มบุญให้เทวดา ที่อยู่ใกล้เรา (1 แชร์ เท่ากับ 1 ธรรมทาน)

คนทั่วไปมักจะคำนึงถึง เทวดา หรือ เทพชั้นผู้ใหญ่ เช่น ท้าวเวสสุวัณ พระอินทร์ พระพิฆเนศวร พระอิศวร พระอุมา เป็นต้น
โดยลืมว่า ยังมีเทพ เทวา อีกบางส่วนที่อาศัย อยู่กับเราตลอด อีกทั้งคอยช่วยเหลือเราแทบทุกเวลา




ศาสตร์เหล่านี้คนโบราณ จะไม่ละเลย เเละใส่ใจปฏิบัติเป็นอย่างมาก มักจะเก็บดอกไม้สีขาว จำพวกดอกพุด ทำเป็นขันห้า บูชาที่หัวเตียง เสมอไม่เคยขาดทุกวันพระ

ความเชื่อโบราณที่ว่า บูชาของรักษา ของรักษาก็หมายถึงเทวดาที่รักษาเรานั่นเอง ท่านจะคอยดูแล เตือนภัยต่างๆให้ เทวดาที่เกี่ยวเนื่องกับคนมากที่สุด เช่น เทวดาประจำตัว เทวดารักษาวัตถุ สิ่งของ เช่น รักษาพระเครื่อง วัตถุมงคล ที่เราใช้ เทวดารักษาสถานที่ เช่น รักษาบ้านเรือน หรือเรียกว่าผีบ้านผีเรือนนั่นเอง พระภูมิเจ้าที่ เป็นต้น
วิธีการปฏิบัติ ดูแล หรือเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้เทวดา

1. เราควรไหว้เทวดาประจำตัวด้วยบายศรีปากชามในวันเกิดของเรา อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

2.ควรซื้อพวงมาลัย ไหว้หัวเตียงที่เรานอน ทุกวันพระ หรือเก็บดอกไม้ ใส่พานไว้หัวเตียง เพื่อเป็นการสักการะเทวดาที่รักษาเวลาเรานอน และบูชาเทวดาประจำตัวเรา เชื่อว่า หากมีเรื่องร้ายเทวดาจะมานิมิตบอกทันที และจะฝันแม่นมาก




3.หาโอกาสทำบุญสังฆทาน ผ้าป่า กฐิน บุญใหญ่ๆ เช่น หล่อพระพุทธรูป บุญสร้างสะพาน สร้างสาธารณะกุศลที่คนได้ใช้มากๆ แล้วอุทิศกุศลให้เทวดา แล้วเทวดาเหล่านี้จะมีฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยดูแลเราได้มากขึ้น

คนสมัยใหม่ มักจะทำไม่เป็น ไม่คุ้นกับวิธีการ ลองทำดู พิสูจน์ดู เป็นความเชื่อที่หากใครปฏิบัติถูกต้องมักจะร่มเย็นเป็นสุข


ที่มา : KHAOBOX 

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

วิธีการอธิษฐานก่อนนอน เพื่อตัดกรรมตนเอง


อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้


(นะโม 3 จบ) “ สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต
อุกาสะ ขะมามิ ภันเต “




หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน บิดา-มารดา
ครูบาอาจารย์พระพุทธ พระธรรม
พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กายวาจา ใจ ก็ดี
ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมาขออนุญาตมีคู่
มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ขอถอนคำอธิษฐานคำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต
ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน
ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูกที่ชอบที่ควร
ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้องจงเจริญด้วย
อายุ วรรณะ สุขะ พละลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม
ตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า
ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท
ความอาฆาตและคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร
ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม เทอญ …


“คนเราเกิดมาหลายภพชาติ ต่างมีเจ้ากรรมนายเวรของตนต่างกัน
การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้เบาบางน้อยลง "

เราต้องการสิ่งใด มีอุดมคติมุ่งมั่นในสิ่งใด ขอให้ระลึกถึงสิ่งนั้นและอธิษฐานจิตก่อนนอน เมื่อเรานอนหลับไป
จิตใต้สำนึกจะซึมซับเอาความปรารถนานั้นไว้ และพิจารณาหาทางให้เราประสบความสำเร็จ

เมื่อเราตื่นขึ้นตอนเช้า ขอให้เราคิดว่าเป็นชาติใหม่ของเรา
ขอให้คิดไปในทางที่ดี สร้างจินตภาพในเรื่องความสุขความสำเร็จ
เราจะได้มีพลังจิตที่เข้มแข็งไปในทางบวกและทำหน้าที่ที่มาถึงให้ดีที่สุด




จิตที่เต็มไปด้วยธรรมะ เป็นจิตที่มีความสร้างสรรค์มากเพราะไม่มีอะไรบกพร่อง
พร้อมที่จะช่วยคนอื่นได้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทน เขาจะรักหรือไม่รัก เรื่องของเขา แต่เราจะให้

ก่อนนอนทุกคืน เราควรตั้งใจให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่างและแก่ทุกคน ทำเสมือนหนึ่งว่า เราจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
ความตั้งใจอย่างนี้ ทำให้ใจของเราสงบและเราจะหลับไปอย่างเป็นสุข ตื่นขึ้นพร้อมด้วยความสดชื่นแจ่มใส
ขอจงท่องจำไว้ว่า เมื่อใดใจของเราผูกเวร เมื่อนั้นมองไปทางใดก็พบแต่ศัตรู
แต่เมื่อใดใจของเรามีเมตตา มองไปทางใดก็เจอแต่มิตรไมตรี

ถ้าท่านเห็นว่าเป็นบทความนี้มีเนื้อหาดี
ก็กรุณาร่วมด้วยช่วยกันส่งต่อความดีด้วยเผยแพร่พระธรรมเป็นธรรมทานต่อๆกันไปด้วยครับ

ที่มา ShareSi

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

อยากแต่งต้องอ่าน ! วิธีดูเส้นแต่งงาน(ลายมือ) ดูตรงไหนจะได้แต่งเมื่อไร


1.เส้นสมรสอยู่ใกล้เส้นจิตใจมาก เจ้าของลายมือมีโอกาสแต่งงานเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน


2. หากเส้นสมรสบนฝ่ามือของใครอยู่ไกลจากเส้นจิตใจมาก (อยู่ใกล้โคนนิ้วก้อย) ทำนายได้เลยว่ามีโอกาสแต่งงานได้ช้า ตามตำราหัตถศาสตร์ท่านแบ่งระยะความชัดเจนหรือความเด่นของเส้นสมรสดังนี้ 1. บนฝ่ามือผู้หญิง เส้นสมรสจะเด่นชัดประมาณอายุ 23-25 ปี 2. บนฝ่ามือผู้ชาย เส้นสมรสจะเด่นชัดประมาณอายุ 25-28 ปี

3. ปกติเส้นสมรสจะมีเพียง 2-3 เส้นเท่านั้น หากมีเส้นสมรสมากตั้งแต่ 4 เส้นขึ้นไป ถือว่าผิดปกติในเรื่องของชีวิตคู่หรือชีวิตการสมรส เพราะทำให้ชีวิตคู่วุ่นวาย ทำให้เกิดการหย่าร้าง หรือการแต่งงานหลายครั้ง มีเรื่องเสียหายในทางเพศผิดทำนองคลองธรรม




4. หากเส้นสมรสมี 2 เส้น มีความยาวเท่ากันแต่อยู่ไม่ใกล้ชิดกันนัก หมายถึงจะมีการแต่งงาน 2 ครั้ง แต่เป็นการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตคู่

5. เส้นสมรสมี 2 เส้น ความยาวของเส้นทั้งสองเท่ากัน และอยู่ใกล้ชิดกันมาก บ่งบอกว่าจะมีบุคคลที่สามหรือมือที่สามเข้ามาแทรกทั้งก่อนแต่งงานและหลัง แต่งงานในชีวิตของเจ้าของลายมือ

6. หากบนฝ่ามือเกิดเส้นสมรสขึ้น 3 เส้น แต่เส้นกลางมีความยาวมากกว่าเส้นอื่นๆ พยากรณ์ได้เลยว่าเจ้าของลายมือนั้นจะได้คู่ครองที่ดี จะมีความสุขในชีวิตคู่ รักใคร่กันดี

7. ถ้ามีเส้นสมรสเกิดขึ้นเพียงเส้นเดียวเท่านั้น แต่มีความชัดเจนมาก พยากรณ์ได้เลยว่าชีวิตคู่ของคนนั้นจะอยู่กันจนแก่เฒ่า เพราะเป็นเนื้อคู่ที่แท้จริง จะอยู่ด้วยกันจนถือไม้ท้าวยอดทองกระบองยอดเพชร

8. หากเส้นสมรสมีเพียงเส้นเดียวและดูลางเลือนไม่ชัดเจน หากไม่สังเกตแทบมองไม่เห็นเส้นสมรสเลย หมายถึงชีวิตการแต่งงานเป็นไปอย่างธรรมดา บางครั้งจืดชืดไม่มีชีวิตชีวาเลย แต่ก็ไม่ถึงกับเบื่อหน่ายและหย่าร้างกัน สามารถครองคู่กันไปจนแก่เฒ่าได้

9. เส้นสมรสที่ขาดตอนหรือเป็นเส้นปะ เป็นเส้นสมรสที่ไม่สมบูรณ์ บ่งบอกถึงการแต่งงานหรือชีวิตคู่ที่ไม่ยั่งยืนหรือไม่มั่นคง ทำนายว่าจะมีการหย่าร้างหรือเลิกรากันภายหลังแต่งงาน สาเหตุมาจากความไม่เข้าใจกัน หรือไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ ทำให้ต้องเลิกรากันในที่สุด

10. เส้นสมรสยาวไปจนชนเส้นในเนินอาทิตย์เช่นนี้ บ่งบอกถึงการแต่งงานกับคนที่ร่ำรวยมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีและชีวิตหลังแต่งงานจะมีแต่ความสุข แต่ถ้าเส้นสมรสยาวไปจนชนเส้นในเนินอาทิตย์เช่นนี้ ภายหลังแต่งงานไปแล้วจะมีเหตุทำให้เสียชื่อเสียงในตำแหน่งหน้าที่ทำงาน อาจถึงขั้นเปลี่ยนงานใหม่ หรือย้ายที่ทำงานใหม่

11.  เส้นสมรสมีปลายโค้งลงไปหาเส้นจิตใจ ทำนายว่าชีวิตหลังแต่งงานมักมีเหตุให้ขัดแย้งกัน ไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลที่แตกต่างกัน จะมีเหตุให้ชีวิตคู่พรากจากกันไป หรือมีเหตุทำให้หย่าร้างกัน




12. หากเส้นสมรสของใครมีการโค้งลงไปจนไปชนเส้นจิตใจหรือตัดผ่านเส้นจิตใจ ทำนายว่า คู่ครองของคนนั้นจะต้องตายจากไปก่อน เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าให้สังเกตดูตำแหน่งของเส้นสมรสว่าเกิดใกล้หรือไกลเส้นจิตใจ หากเส้นสมรสอยู่ใกล้เส้นจิตใจเหตุการณ์ก็จะเกิดเร็ว แต่ถ้าเส้นสมรสอยู่ห่างจากเส้นจิตใจเหตุการณ์ตายจากกันก็จะเกิดขึ้นช้า

13.  หากที่เส้นสมรสเกิดมีเส้นตั้งฉากทิ่มลงตรงลงไปยังเส้นจิตใจ ท่านอาจารย์ผู้ชำนาญในด้านหัตถศาสตร์พยากรณ์ไว้ว่า 'คู่ครองของผู้นั้นจะตายจากกันไปเพราะอุบัติเหตุโดยไม่คาดฝัน'

14. หากใครมีเส้นสมรสยาวโค้งขึ้นไป บ่งบอกถึงคนๆ นั้นมักจินตนาการหรือตั้งความหวังในเรื่องความรักชีวิตคู่ไว้สูงมาก เป็นคนไม่ตัดสินใจหรือตกลงปลงใจกับใครง่ายๆ จนอาจทำให้สายเกินไป (ขึ้นคาน) ไม่มีโอกาสได้แต่งงานใช้ชีวิตคู่กับเขา มักอยู่ครองโสดไปตลอดชีวิต

 ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  chillpainai

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

สวดมนต์ก่อนนอน


   บทสวดมนต์ก่อนนอน สำหรับฝึกจิต สร้างสมาธิ ก่อนนอน แนะนำ อ่าน บทสวดมนต์ก่อนนอนที่ถูกต้อง บทสวดมนต์ก่อนนอนสั้น ๆ สร้างสมาธิ เพื่อจิตใจที่ผ่องใสก่อนนอน

   บทสวดมนต์ไม่ว่าบทใดก็มีอานุภาพในตัวเองมากมายหลายประการ นอกจากจะสอดแทรกแง่คิดดี ๆ ในการดำรงชีวิตแล้ว หากผู้สวดสามารถตั้งจิตให้จดจ่อแน่วได้ การกระทำดังกล่าวย่อมส่งผลดีในเรื่องของสมาธิ ปัญญา ที่ช่วยให้ผู้สวดสามารถพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดรอบคอบและใจเย็นมากยิ่งขึ้น




   สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบทสวดมนต์ก่อนนอน วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากแล้วค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยนะคะ ก่อนอื่นใช้สองมือประนมแล้วทำจิตให้สงบ จากนั้นให้ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ หรือตั้งจิตตามแต่บทสวดมนต์ ดังนี้

บทสวดมนต์ก่อนนอน

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ 1 ครั้ง)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ 1 ครั้ง)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ 1 ครั้ง)
พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต
ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธ ขอให้ข้าพเจ้ามีเดชเดชะ
ธัมมะบูชา มะหาปัญญะวันโต
ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาอันยิ่งใหญ่
สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห
ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์ ขอให้ข้าพเจ้าอุดมด้วยอริยสมบัติ
ติโลกะนาถัง ระตะนัตตะยัง อะภิปูชะยามิ
ข้าพเจ้าขอบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งของโลกทั้งสาม (31 ภพภูมิ)
วันทามิเจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเน สุปติฏฐิตัง สารีริกะธาตุ
ขอบูชากราบไหว้พระสถูปซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกะธาตุตามที่ต่าง ๆ
มะหาโพธิง ชินะโยจะ พุทธะรูปัง สะกะลังสะทา
ขอบูชากราบไหว้พระพุทธรูปทุกพระองค์และต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้
บทสวดมนต์บูชาพระภูมิเจ้าที่
ทิสาทิโส เอหิภูมิโม อมมะภูมิมา อาคัจฉันตุ
ข้าพเจ้าขอสักการะบูชาพระภูมิเจ้าที่พระแม่ธรณีและพระแม่คงคา ทุกทิศทุกทางทั่วสากลภิภพ
บทสวดมนต์ผูกมิตรกับมนุษย์ เทวดา และสัตว์ทั้งปวง
มนุสสานัง สะหะยัง ปิโยเทวา สีหะราชา เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ
ขอมนุษย์ทั้งหลายองค์เทพเทวาทั้งหลาย สัตว์ใหญ่น้อยทั้งหลายจงมีจิตที่เป็นมิตรสามัคคีกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ
บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทุกเวลาทุกสถานที่
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย
สุขี โหนตุ
จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
จงอย่าพยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ
จงอย่ามีความลำบาก จงอย่ามีความเดือดร้อน จงอย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
บทสวดมนต์แผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพพะยาปัชโฌ โหมิ
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง




สุขี อัตตานัง ปริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกเมื่อ รักษากาย วาจา ใจ ให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

ทั้งนี้ การสวดมนต์ไม่มีถูก ไม่มีผิด ดังนั้นจึงไม่ต้องคำนึงว่า บทสวดมนต์ก่อนนอนที่ถูกต้องจะเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่อยากได้บทสวดมนต์ก่อนนอนสั้น ๆ หรือบทสวดมนต์ก่อนนอนแบบย่อ เนื่องจากมีเวลาจำกัด ก็อาจเลือกสวดเพียงบางบทจากหัวข้อทั้งหมดที่นำเสนอในข้างต้นนี้ได้ทันที

อย่างไรก็ตาม บทสวดมนต์ดังกล่าว ยังสามารถนำมาสวดในช่วงเช้าได้อีกด้วย ดังนั้นใครที่อยากทำจิตใจให้สงบ ผ่องใส เพื่อรับมือกับเช้าวันใหม่ด้วยสิ่งดี ๆ ก่อนออกจากบ้าน ก็ลองนำบทสวดมนต์ดังกล่าวไปใช้กันดูนะ

ที่มา : FB นพดล อุ่นตา 

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

ทึ่ง! งูสวัดรักษาได้ เพียงใช้เปลือกไข่ไก่

 

   โรคงูสวัด เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่บริเวณผิวหนังชนิดหนึ่ง ทำให้มีผื่นตุ่มขึ้นเป็นแนวยาวๆ บริเวณที่ขึ้นกันบ่อย ก็คือ แนวบั้นเอวหรือแนวชายโครง (จากสะดือถึงกลางหลัง) บางคนอาจขึ้นที่ใบหน้า แขนหรือขาก็ได้ แต่จะมีลักษณะการขึ้นคล้ายกันคือจะขึ้นเพียงซีกหนึ่งซีกใดของร่างกายเท่านั้น เช่น ซีกขวาหรือไม่ก็ซีกซ้าย โรคนี้มักไม่มีอันตรายร้ายแรง และหายได้เองเป็นส่วนใหญ่




   แต่บางรายหลังแผลหายแล้วอาจมีอาการปวดประสาทนานเป็นแรมปี หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมาได้ และจากความเชื่อที่ว่า เป็นรอบเอวแล้วตาย นั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะที่เสียชีวิตอาจเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ ขาดภูมิต้านทานโรค การรู้จักรักษาร่างกายให้แข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรคให้สมบูรณ์อยู่เสมอ จึงมีความสำคัญในการป้องกันโรคและระงับความรุนแรงของโรค

สาเหตุของโรคงูสวัด


   เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “เชื้อวีแซดวี (varicella-zoster virus)” ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ครั้งแรก (ซึ่งมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก) ส่วนใหญ่จะแสดงอาการของโรคอีสุกอีใส ส่วนน้อยจะไม่มีอาการแสดงให้ปรากฏหลังจากหายจากโรคอีสุกอีใสไปแล้ว เชื้อจะหลบซ่อนอยู่บริเวณปมประสาทใต้ผิวหนัง และแฝงตัวอย่างสงบเป็นเวลานานหลายปีถึงสิบๆ ปี โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ

   เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น อายุมาก ถูกกระทบกระเทือน มีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนไม่พอ ติดเชื้อเอชไอวี เป็นมะเร็ง ใช้ยาต้านมะเร็งหรือยา กดภูมิคุ้มกัน เชื้อที่แฝงตัวอยู่นั้นก็จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และกระจายในปมประสาท ทำให้เส้นประสาทอักเสบ (เกิดอาการปวดตามแนวเส้นประสาท) เชื้อจะกระจายไปตามเส้นประสาทที่อักเสบ และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนัง เกิดเป็นตุ่มใสเรียงเป็นแนวยาวตามแนวเส้นประสาท ที่เป็นโรคงูสวัดจึงมักมีประวัติเคยเป็นอีสุกอีใสในวัยเด็ก หรือเคยมีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาก่อน โดยไม่มีอาการแสดง ซึ่งสามารถตรวจพบสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้ในเลือด




วิธีการรักษาทางการแพทย์แผนไทย


• นำเปลือกไข่ไก่ประมาณ 10 ฟอง มาล้างให้สะอาด นำมาต้มในน้ำเดือด ( เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ )

• บดให้ละเอียด ละลายกับน้ำ ประมาณ 250 ml. ( 1 แก้ว ) รอให้ตกตะกอน ดื่มน้ำใสๆ ให้หมด ( กากทิ้ง )

• ดื่มวันละ 1 แก้ว ทำเช่นนี้ประมาณ 3 วัน อาการงูสวัดจะค่อยๆดีขึ้น จนหายเป็นปกติ และจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก


ข้อมูลจาก kaijeaw

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

ไม่น่าเชื่อ! ประโยชน์ของมะนาวกว่า 50 ข้อ มาดูว่ามีอะไรบ้าง


   เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะชอบทานรสเปรี้ยวอย่างแน่นอน ซึ่งรสชาติเปรี้ยวเหล่านั้นก็มาจาก หลาย ๆ ที่มา เช่น มะขามเปียก มะกรูด กรดมะนาว น้ำส้มสายชู เป็นต้น แต่คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ารสชาติเปรี้ยวที่โดนใจคนไทยมากที่สุดนั้นก็คือรสชาติเปรี้ยวจากมะนาว ซึ่งนอกจากมะนาวจะให้รสชาติที่โดนใจคนมากมายแล้ว เจ้ามะนาวลูกกลม ๆ นี้ยังมีสรรพคุณทางยาและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับมะนาวให้มากขึ้นกันนะคะ




   มะนาวเป็นผลไม้พื้นๆที่ใช้บริโภคกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามะนาวลูกเล็กๆนั้น มีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆได้มากมายหลายโรคด้วยกัน ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ใช้มะนาวรักษาโรค ประเทศเพื่อนบ้า นของเรา เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย เขาก็ใช้มะนาวกัน ประเทศเพื่อนบ้านที่ไกลออกไป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศแถบอเมริกาตะวันตกก็ใช้มะนาวแก้ไอและรักษาโรคอื่นๆเช่นเดียวกัน ประโยชน์ของมะนาวในแง่การนำมาใช้เป็นสมุนไพร มีดังนี้

1. แก้ไอออกเลือด (ไอมีเลือดปน)
- ใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา มะนาว 4 ลูก เกลือ 1 ช้อน หรือประมาณ 3-4 เม็ด ผสมให้เข้ากันดี ให้มีรสเปรี้ยวเค็มหวาน ใช้จิบทุกครั้งที่ไอ

2. ต่อมทอนซิลอักเสบ
- เอาน้ำมะนาว น้ำผึ้งและปูนขาวผสมดื่ม แก้ทอนซิลอักเสบ

3.แก้ซาง,ตุ่มในคอเด็ก,เสมหะ
- เมล็ดมะนาวขับเสมหะแก้โรคซางของเด็ก แก้เม็ดยอดในปากโดยเอาเม็ดมะนาวเผาไฟ บดให้ละเอียด ใช้น้ำมะนาวหรือรากของมะนาวฝนกันน้ำเป็นกระสาย ผสมเข้าด้วยกัน แล้วกวาดซางเด็ก
- ให้เอาน้ำมะนาว 1 ช้อนชา แล้วเอารากมะนาวฝนให้ข้นดี แล้วจึงเอาไปล้วงคอเด็กสัก 2-3 ครั้งก็หาย
- ใช้เม็ดมะนาวเคี้ยวกิน ขับเสมหะ ใช้ติดต่อกัน 7 วัน ได้ผลดี

4. แก้เสียงแหบแห้ง
- มะนาวทำให้เสียงไม่แหบแห้ง ตื่นตอนตอนเช้าทุกครั้งให้ผ่ามะนาวครึ่งหนึ่ง จิ้มเกลือบีบน้ำลงคอกลืนกิน ทำทุกเช้าทุกวัน ทำให้เสียงไม่แหบแห้ง

5. ก้างติดคอ
- เมื่อก้างปลาติดคอ เอามะนาว 1 ลูกคั้น เอาแต่น้ำ เติมเกลือ น้ำตาลนิดหน่อยกรอกลงไปให้ตรงก้างที่ติดคอ อมไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยกลืน ก้างจะอ่อนตัวหลุดลงไปในกระเพาะ
- ก้างปลาติดคอซึ่งเป็นชิ้นเล็กๆ เมื่อกลืนน้ำลายจะทำให้รำคาญเท่านั้น ให้ผ่ามะนาวแล้วนำมาอมไว้ในปาก อมจนรู้สึกรสเปรี้ยวของมะนาวเจือจางสัก 2-3 หน จะทำให้ก้างหลุดออกไปได้

6. แก้ไข้
- นำใบมะนาวมาหั่นฝอยๆ ชงด้วยน้ำเดือด ดื่มแบบน้ำชาจะช่วยลดไข้และใช้อมกลั้วคอฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
- ประเทศในทวีปอาฟริกาตะวันตกนิยมใช้เปลือกรากมะนาวต้มเป็นยาแก้ไข้อย่างดี และใช้ใบทำเป็นยาชงกินแก้ไข้ที่มีอาการตัวเหลืองเล็กน้อย นอกจากนี้ยังใช้น้ำมะนาวดื่มแก้กระหายน้ำ แก้ไข้อีกด้วย
- ที่ประเทศอินเดีย ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ นิยมรักษาโดยดื่มน้ำมะนาวแล้วพักผ่อน ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดา จะรับประทานผลอินทผลัมและดื่มน้ำมะนาวรักษา

7. แก้ไข้ทับระดู
- เอาใบมะนาว 100 ใบ มาต้มกินแล้วหาย

8. แก้ปวดศีรษะ
- เอามะนาวมาฝานเป็นซีกบางๆ แล้วเอาปูนที่กินกับหมาก ละเลงด้านหน้าของซีกมะนาวนั้นบางๆ แล้วปิดตรงขมับ ทำอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการปวดก็ค่อยหายดีขึ้นทุกวัน
- ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำตาลสัก 1 แก้ว ดื่มตอนเช้า ช่วยให้หายจากโรควิงเวียนและปวดหัว
- ชาวมาเลเซีย ใช้ใบมะนาวผสมกับน้ำมะนาว บดทำเป็นยาใส่ผมแก้ปวดศีรษะ
- ประเทศในทวีปอาฟริกาตะวันตก ใช้ใบมะนาวตำให้ละเอียดถูศีรษะหรือเคี้ยวรากมะนาวแก้ปวดศีรษะ

9. แก้เลือดออกตามไรฟัน
- เกิดจากการขาดวิตามินซี ทำให้เหงือกบวมและมีเลือดออกตามไรฟันเป็นประจำ หรือมีเลือดออกได้ง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล มีจุดพรายย้ำขึ้นตามผิวหนัง อาจมีเลือดออกจนซีดได้ ถ้าอาการรุนแรง จะมีอาการปวดน่อง ข้อเท้าบวม การรักษาให้กินมะนาวหรือผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น ส้ม จะแก้ได้
- แก้โรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน ใช้มะนาวถูฟันสักพักเลือดก็จะหยุด

10. แก้เหงือกบวม
- ใช้ลำสีชุบมะนาวเช็ดที่เหงือกวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น

11. แก้ลิ้นเป็นฝ้า
- ใช้ลำสีชุบมะนาวเช็ดที่ลิ้นวันละ 3ครั้ง

12. ขจัดคราบบุหรี่
- ใช้มะนาวถูฟันที่มีคราบบุหรี่จับ เมื่อใช้มะนาวถู คราบนั้นจะหาย ถ้าฟันผู้ที่รับประทานหมากต้องถูกบ่อยๆ ถ้าจับมากหลายวันแล้วต้องถอดฟันแช่น้ำมะนาวไว้ค้างคืน ( หมายถึงผู้ใส่ฟันปลอมนะ) ฟันจะขาวสะอาดเงางาม

13. ยาบ้วนปาก
- บีบน้ำมะนาวลงในแก้วสัก 2-3 หยดเท่านั้น บ้วนปากได้สะอาดยอดเยี่ยม

14. แก้เป็นลมวิงเวียน อยากอาเจียน
- ใช้มะนาวผ่าซีก โรยเกลือป่น เหยาะน้ำตาลทรายขาวสักนิดบีบกินลงไปพักเดียวหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ เมารถ แพ้อากาศ มะนาวช่วยคุณได้
- ใช้มะนาวจิ้มเกลืออมไว้ในปากสักครูจะรู้สึกสดชื่นจากการเป็นลมวิงเวียน หน้ามืดได้
- ใช้เปลือกมะนาวแกะออกแล้วบีบหรือดมใกล้จมูก แก้เป็นลม วิงเวียน หน้ามืดตาลาย
- ด้านประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน ใช้เปลือกลูกมะนาวขยี้ใก้ดมแก้คลื่นไส้หรือเป็นลม หมอพื้นเมืองชาวอินเดีย นิยมใช้น้ำมะนาวแก้อาเจียน

15. แก้วิงเวียนเมื่อคลอดบุตร
- เอามะนาวปอกใส่ภาชนะ 2-3 ลูก เพื่อให้คนที่คลอดบุตรนั้นกินแก้วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย
- เอามะนาว 3 ผล เกลือป่นและพริกไทยป่นพอควร ละลายด้วยน้ำร้อน แทรกเหล้าโรงประทาณให้ได้สักครึ่งถ้วยชา เวลาตกฟากรับประทาน 1 ครั้ง หรือรับประทาณต่อไปอีกก็ได้

16. แก้เมาเหล้า เมายา
- ดื่มน้ำมะนาวหรืออมกับเกลือ สำหรับคนเมาเหล้าหรือวิงเวียนจะเป็นลม

17. แก้ลมเงียบ
- เอาใบมะนาวมาต้มกินกับยาหอมประมาณ 1 อาทิตย์

18. แก้ตาแดง
- เอามะนาวผ่า แล้วเอาเมล็ดในออกให้หมด แล้วก็บีบเอาน้ำมะนาวหยอดลงในตกทั้ง 2 ข้างหลายๆหยด สัก 1-2 นาที พอหายแสบแล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เช็ดหน้าเรียบร้อยแล้วก็สบาย และใช้มะนาวต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายตาแดง

19. บำรุงตา
- ใช้มะนาวสดทั้งลูกฝานตามที่เห็นสมควร แล้วบีบใส่ตาประจำ ประมาณเดือนหรือสองเดือนครั้งก็ใช้ได้ ( เนื่องจากตาเป็นอวันวะที่บอบบางมาก และน้ำมะนาวนั้นหยอดลงไปแล้วจะรู้สึกแสบตา ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงไม่ควรใช้น้ำมะนาวนี้หยอดตา)

20. บำรุงผิว
- เอาเปลือกที่บีบเอาน้ำออกแล้ว นำมาทาบริเวณข้อศอก คาง เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า ช่วยให้ส่วนเหล่านั้นนุ่มนวลได้อย่างดี

21. แก้ผิวแตก
- ใช้มะนาวทาผิวหนังทำให้ชุ่มชื้น ไม่แตกกร้านในช่วงอากาศแห้ง

22. แก้สิวฝ้า
- ในกรณีที่สิวไม่มีการอักเสบติดเชื้อเป็นหนอง การรักษาอย่างง่ายที่ถูกวิธี คือ การทำความสะอาดใบหน้า เพื่อลดไขมันและกำจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขนบนใบหน้า หรือบริเวณอก คอ ที่มีสิวขึ้น ฉะนั้นมะนาวจะช่วยรักษาสิงให้ลดน้อยลงได้ เพราะน้ำมะนาวมีสภาวะเป็นกรดอ่อนๆจะทำให้เนื้อเยื่อที่ตามแล้วหลุกออกไป ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน กรดอ่อนๆจะช่วยกำจัดเชื้อโรคและช่วยกำจัดไขมันได้บ้าง
วิธีใช้ คือ ล้างหน้าด้วยสบู่ธรรมดาให้สะอาดแล้วผ่ามะนาวทาบริเวณที่มีสิวขึ้นให้เปียกชุ่มจนทั่ว
ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออกด้วยสบู่อีกครั้ง ทำเช่นนี้วันละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็น
- ใช้แป้งดินสอพองกับน้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนทุกวัน สิวจะค่อยๆยุบหายไปในที่สุด
- ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ไข่ขาว 1 ช้อนชา ผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเอาไปแต้มที่ตุ่มสิว หรือผู้ที่ไม่มีสิว ใช้ทาบางๆทั่วไปประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสบู่ หน้าจะนิ่มนวลอยู่เสมอ




23. ลบรอยแผลเป็น
- รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ใช้น้ำมะนาวผสมดินสอพองทาบริเวณที่เป็น ทำให้หน้าไม่ดำ หรืออาจใช้ใบมะลิสดตำผสมเพิ่มเข้าไปอีกก็ได้

24. แก้ขาลาย
- คนที่มีขาลายเป็นจุดด่างดำเม็ดเล็กๆนั้น แก้ได้โดยเอาน้ำมะนาวบีบใส่ดินสิพองหมาดๆ แล้วทาทุกๆคืนก่อนนอน พอรุ่งเช้าก็ล้างออก ทำอย่างนี้ทุกวัน ไม่นานวันรอยด่างดำก็ลบหายไปเอง

25. แก้น้ำเหลืองเสีย
- ใช้ใบมะนาว 108 ใบกับเกลือหรือดีเกลือ 2 บาท หรือประมาณ 3 ช้อนคาวรวมกัน ต้มรับประทานเป็นยาระบายถ่ายน้ำเหลืองเสีย รับประทานครั้งละครึ่งถ้วยแก้วกลาง วันละ 1 ครั้งก่อนเข้านอน

26. แก้ส้นเท้าแตก
- เอามะนาวสดผ่าซีกแล้วบีบมะนาวให้หยดลงบนบริเวณที่เป็นแผลนั้น เพียงวันละ 2-3 ครั้ ภายใน 7 วัน โรคส้นเท้าแตกจะหายไปเอง

27. ดับกลิ่นเต่า
- ใช้น้ำมะนาวทารักแร้ป้องกันกลิ่นเต่า

28. แก้โรคผิวหนัง
- ประเทศแถบทวีปอาฟริกาตะวันตกและประเทศอินเดีย ใช้น้ำมะนาวทาแก้โรคผิวหนัง แต่ของอินเดีย เวลาอาบน้ำ ห้ามฟอกสบู่บริเวณที่เป็น

29. แก้กลาก เกลื้อน หิด
- นำกำมะถันตำให้ละเอียดบีบมะนาวใส่พอสมควร ทาบริเวณที่เป็นเกลื้อนหลังอาบน้ำและก่อนนอน เคยใช้กับญาติโยมหลายราย ผลออกมาแล้วหายเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
- ใช้มะนาวผ่าซีกแตะผงกำมะถันแล้วมาถูบริเวณที่เป็นหิด กลากเกลื้อนจะกายในเร็ววัน

30. แก้หูด
- เอาเปลือกมะนาวหมักกับน้ำส้มสายชู 2 วัน ตัดเปลือมะนาวมาปิดที่หูด ปิดทับด้วยพลาสเตอร์ค้างคืนไว้ รุ่งเช้าจึงเอาออก ให้ทำเช่นนี้นาน 2 อาทิตย์

31. แก้พุพอง
- ใช้รากมะนาวฝนกับน้ำซาวข้าว ทาแก้พุพอง แสบร้อน

32. แก้น้ำกัดเท้า
- ใช้มะนาวทาที่เป็นตุ่มคัน น้ำกัดเท้า ทาแล้วทิ้งให้แห้ง ล้างออกด้วยน้ำสบู่ ให้ผ้าเช็ดให้แห้ง แล้วเอาแป้งทา ตุ่มคันก็จะหาย

33. แก้ปูนซีเมนต์กัด
- เวลาถูกปูนซีเมนต์กัดตามมือ เท้า เอามะนาวมาตัดกลางลูก แล้วบีบน้ำมะนาวตรงที่ปูนกัดก็จะหาย

34. แก้คัน
- ใช้มะนาวตัดกลางลูกรมไฟพออุ่น ถูทาตามที่คันภายใน 2-3 วัน จะหาย
- เรื่องแก้คันนี้ในประเทศอินเดีย ใช้มะนาวผสมน้ำผึ้ง ทาบริเวณที่คันและเวลาอาบน้ำ อย่าฟอกสบู่บริเวณที่คัน ใช้ทาทุกครั้งเมื่อรู้สึกคัน

35. แก้หนอนคัน
- แถวชนบทมีตัวหนอนหลายชนิด เมื่อเราไปถูกมันเข้าจะทำให้เนื้อตรงบริเวณนั้นคันมาถึงกับเน่าเปื่อยก็มี ถ้าไปถูกตัวหนอนแล้วคันแต่ยังไม่เปื่อยเป็นแผล ให้เอามะนาวผ่าซีกถูตรงที่คันนั้น แต่ถ้าเปื่อยเป็นแผลแล้ว ให้เอาบานไม่รู้โรยมาตำกับปูนที่กินกับหมากผสมน้ำเล็กน้อย ทาตรงแผยเปื่อยรับรองหาย

36. แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ใช้ระงับความเจ็บปวดจากพิษแมลงได้ โดยใช้มะนาวพอกบริเวณปากแผลทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วเปลี่ยนใหม่ทำดูจะหายปวด
- ในประเทศจีน ใช้ผลสดคั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่ถูกตะขาบกัด แมลงป่องต่อยทันทีจะแก้ได้

37. แก้สังคัง
- ใช้มะนาวผ่าซีก ทาก่อนนอนและหลังตื่นนอน เพียงไม่กี่วัน
ก็หาย

38. ใช้สระผม แก้คันศีรษะ
- ใช้น้ำมะนาวสระผมทำให้ผมสะอาด หอม
- ถ้าคันศีรษะบ่อย ใช้น้ำมะนาวนวดศีรษะให้ทั่วสักครู่ก่อนสระผมจะแก้ได้

39. แก้หัวโน
- ใช้แป้งดินสอพองผสมน้ำมะนาว ทาตรงที่ช้ำบวมสักพักใหญ่ๆ อาการปวดบวม ปูด ก็จะยุบ หมั่นทาวันละ 1-2 ครั้ง ภายใน 2 วันก็จะหายไปเอง

40. แก้ผิวหนังฟกช้ำ
- ผสมน้ำมะนาวกับดินสอพองข้นๆ ทาบริเวณที่มีอาการผิวเนื้อถูกกระแทกเขียวฟกช้ำ หรือบวมโน จะหายเป็นปกติ

41.แก้หนามปัก
- แก้หนามปักคา ใช้มะนาวกับน้ำมันตับปลา ใส่ที่แผลจะดูดหนามออกมาได้

42. แก้เล็บขบ
- เอามะนาวมาผ่าตรงส่วนหัวออกขนาดพอสอดนิ้วเข้าไปได้ ใช้มีดคว้านเอาเนื้อข้างในออกเล็กน้อย เสร็จแล้วเอาปูนทาบางๆ แล้วเอานิ้วสอดเข้าไป แล้วทิ้งไว้ ทำดังนี้ 2-3 ครั้ง อาการเล็บขบจะหายไป

43. แก้ปลาดุกยัก
- ใช้มะนาวผ่าซีกแล้วกดหรือถูครงรอยปลาดุกยักสักพักหนึ่ง จะหายปวดภายใน 4-5นาที

44. แก้งูกัด
- แก้งูกัดให้ปฏิบัติดังนี้
1. ให้คนเจ็บนอนราบๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายช้าลง และพิษงูจะได้แผ่ซ่านช้าลงด้วย
2. ถ้าถูกงูพิษกัดที่แขนและขา ให้เอาเชือกรัดเหนือแผลหน่อย กะให้รัดอยู่ในระหว่างแผลกับหัวใจของคนเจ็บ การรัดให้รัดพอให้เลือดตรงผิวหนังนั้นหยุดไหลเพื่อกันไม่ให้พิษผ่านเข้าเส้น โลหิตดำเ
ท่านั้น ไม่ต้องรัดแน่นมากจนหลอกเลือดที่อยู่ลึกลงไปพลอยหยุดไหลไปด้วย ถ้ารัดพอดีๆจะสังเกตเห็นน้ำเหลืองไหลซึมออกจากแผลอยู่เรื่อยๆ
3. ใช้ใบมีดโกนที่สะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว กรีดลงบนแผลเป็นรูปกากบาท ลึกสัก 1 ใน 8 นิ้ว ยาว สัก 1 ใน 4 นิ้ว ทั้ง 2 เขี้ยว อย่าตกใจว่าจะเสียเลือด เพราะมันจะช่วยล้างพิษออกด้วย ให้ใช้ปากดูดพิษออกมาจากแผลที่กรีด พิษงูจะไม่เป็นอันตรายเมื่อเข้าไปอยุ่ในปาก นอกจากจะมีแผลในปากหรือฟันผุเท่านั้น เมื่อดูดพิษออกมาให้รีบบ้วนทิ้ง แล้ววางน้ำแข็งที่แผลสลับกับการดูดช่วยด้วย และระวังให้แขน ขาที่ถูกงูกัดให้อยู่ต่ำๆไว้
หมายเหตุ ถ้าฟันผุหรือมีแผลในปาก ใช้ขวดอุ่นให้ร้อน (ระวังแตก) เอาปากขวดทาบกับแผล เพื่อช่วยดูดเลือดออกจากแผลแทน
4. ให้กินน้ำมะนาว ขนาดผลโตๆสัก 1 ผล น้ำมะนาวจะไปทำปฏิกิริยากับพิษงูที่แล่นเข้าสู่กระเพาะอาหาร สักครูก็จะอาเจียนออกมา มีเลือดปนเล้กน้อย ซึ่งแสดงว่าพิษงูได้หมดฤทธิ์แล้ว
5.คนเจ็บจะเกิดความมั่นใจและค่อยหายกลัว ให้เขาดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มร้อนๆได้ แต่อย่าให้กินเหล้า
พิษงูมันเดินเข้าหัวใจอย่างช้าๆ แต่หลังจากที่ถูกงูกัด อาจปวดมากจนถึงกับช็อค ให้คนเจ็บอยู่เงียบๆ เพราะถ้าไปทำอะไรเข้า จะเป็นการเร่งพิษเดินทางเข้าสู่หัวใจเร็วเข้าอีก ให้ใช้น้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำแข็งวางที่แผล จะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ และรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาล

45. ป้องกันงู
- เมื่อใช้มะนาวคั้นเอาน้ำหมดแล้ว เอาเปลือกวางท้องเอาไว้ใกล้ๆที่นอน จะทำให้งูไม่มารบกวน เพราะได้กลิ่นมะนาว

46. แก้แมงคาเรืองเข้าหู
- นำน้ำมะนาวอย่างเดียว กรองด้วยผ้า ใช้หยอดหู แก้แมงคาเรืองเข้าหู ถ้าตัวยังไม่ตายจะหนีออกมา ถ้าไม่หนีออกมาตัวจะตาย
ในหู

47. แก้ฝี
- แก้ปวดฝีใช้รากสดฝนกับเหล้าทา
- ขูดเอาผิวมะนาว ผสมกับปูนแดงปิด ฝีจะหาย

48. แก้ฝีมะตอย
- เอามะนาวทั้งลูก มาคว้านไส้ในออกให้เอานิ้วเข้าไปได้ แล้วเอาปูน(กินหมาก)ทาเข้าไปในลูกมะนาวเล็กน้อย แล้วสวมเข้านิ้วที่มีฝีขึ้น

49. แก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
- ให้เอาน้ำมะนาวมาชะโลมบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือถูกน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษปวดแสบแวดร้อนได้ผล

50. แก้บาดทะยัก
- เมื่อดถูตะปูตำ หนามเกี่ยว หรือถูกของที่มีคม เอาน้ำมะนาวบีบใส่แผลที่เป็น จะป้องกันบาดทะยักได้

ขอบคุณข้อมูล : นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี
ภาพ : www.flickr.com

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

ผลไม้ที่ควรและไม่ควรนำมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าทำเด็ดขาด!


   ความเชื่อแต่โบราณ กับผลไม้ที่นำมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องเลือกและคัดสรรผลไม้ในการไหว้เป็นอย่างดีส่วนผลไม้ที่ควรและไม่ควรมีอะไรมาดูกันเลยคะ




ผลไม้ที่ไม่ควรนำมาไหว้

ละมุด เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักไม่โดดเด่น ปิดๆ ซ่อนๆ

มังคุด เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วไม่ได้ดีเท่าที่ควร ไปไม่ถึงที่สุด มันกุด ๆ ด้วน ๆ ไม่โดดเด่น

พุทรา เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วดีในช่วงแรกๆ ช่วงหลังๆ ซาซา

มะเฟือง เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักฝืดเคือง ไม่อะไรก็อะไร สักอย่าง

มะไฟ เชื่อกันว่าทำอะไรแล้วมักต้อง เร่งๆ รีบๆ เหมือนไฟลน ไม่ได้คุณภาพ

น้อยหน่า เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักมีปัญหา อุปสรรค เล็กน้อย จุกๆจิกๆ อยู่เสมอๆ ทำแล้วได้ผลเพียงน้อยนิด

น้อยโหน่ง เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว ได้ผลสมบรูณ์เพียงน้อยนิด มีอุปสรรคปัญหา ไม่สมบรูณ์แบบ

มะตูม เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วไม่เจริญก้าวหน้า เช่นเดียวกับชื่อที่ตูมอยู่ตลอด ไม่ก้าวหน้า ไปไม่ได้ไกล

มะขวิด เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วมักจะประสบปัญหา วัสดุอุปกรณ์ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ครบ ขาดโน่น ขาดนี่เสมอ

ลูกจาก เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักจะไม่ยั่งยืน




ลูกพลับ เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว ผลงานต้องโดนเก็บใส่ลิ้นชัก ไม่ได้แสดงผลงาน ไม่ก้าวหน้า

ลูกท้อ เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว ท้อแท้ เบื่อหน่าย ไม่มีกำลังใจ

ระกำ เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักจะไม่ประสบความสำเร็จ

กระท้อน เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว สิ่งที่ดีๆ ที่ต้องการเผยแพร่ออกไป กลับสะท้อนมายังจุดเดิม

ลางสาด เชื่อกันว่า เป็นผลไม้ที่มียาง ทำอะไรแล้วมักจะมีเรื่อง ยุ่งยากวุ่นวาย

ผลไม้ที่ควรนำมาไหว้

ลำไย      หมายถึง   ความรัก  ความหวานฉ่ำความสุข

ลิ้นจี่       หมายถึง   ความเป็นศิริมงคล

สับปะรด  หมายถึง   การมีสายตาก้าวไกล  มีความรอบรู้

กล้วย     หมายถึง   การให้มีลูกหลานมากๆ

ทุเรียน    หมายถึง   ความฉลาดหลักแหลม  การรู้เท่าทันผู้อื่น

สาลี่      หมายถึง   การรักษาคุณงามความดี  เหมือนเกลือรักษาความเค็ม

องุ่น       หมายถึง   ความเจริญรุ่งเรือง  ทั้งการงานและชีวิตครอบครัว

แอปเปิ้ล  หมายถึง    การมีสุขภาพสมบูรณ์  แข็งแรงอายุยืนยาว

ส้ม        หมายถึง    การมีโชคลาภ  ประสพแต่สิ่งดีๆในชีวิต

ทับทิม     หมายถึง    การให้มีลูกชายมาก ๆ

ขนุน       หมายถึง   ไม่ว่าจะทำอะไร  จะมีคนคอยเกื้อหนุนอยู่ตลอดเวลา

แก้วมังกร  หมายถึง   ความรุ่งเรื่องมีอำนาจ  มีวาสนา

เกาลัด     หมายถึง   การมีมารยาทงาม

มะม่วง     หมายถึง   ความมีสติปัญญาเหนือผู้อื่น

โปรดใช้วิจารณญาณ


ที่มา: khaobox


กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

วิธีอุทิศให้ดวงวิญญาณที่หิวโหยสัมภเวสี โชคลาภสิ่งดีๆจะมีแด่ท่าน


การสงเคราะห์ให้กับดวงวิญญาณง่ายๆและได้บุญยิ่งนัก คือ


1.ทุกวันพระข้างแรมให้จัดกระทงใบตองมีข้าวกุ้งพล่าปลายำ น้ำ หมากพลู ขนมหวาน ปักธูป 1 ดอก ไปไหว้ที่ทาง 3 แพร่ง ให้สวด นะโม 3 จบ แล้วว่า "อิติเวสสุวัณโณ สัพพะภูโตสุขัง" 7จบ แล้วอธิษฐานว่า"ใครที่หิวโหย เชิญมากินอาหารเหล่านี้ได้เลยน๊าา" แล้วอย่าหันกลับไปมอง เป็นการสะเดาะเคราะห์ให้ตนเองไปในตัวด้วย




2.ถวายธูปเทียนแก่ศาลเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายพร้อมไฟแช็คหรือไม้ขีด โดยไปถวายในศาลทั่วๆไปที่มีคนไหว้ให้ถวายในวันพระข้างแรมเช่นกัน เวลาถวายให้จุดธูป 5 ดอก แล้วว่า "อมอิมัง ธูปะบูชา ภุมมะเทวา สุขิตาโหนตุ" (7 จบ)

3.ไหว้ธูป 1 ดอก ทุกวันหน้าบ้านด้วยขนมหวาน ข้าว 1 ปั้น หมูปิ้ง 1 ชิ้น ใส่ในกระทงใบตองก็ได้พร้อมหมากพลูและน้ำ 1 แก้ว ให้สวด "อิติ ธรณี ไมตรี เมตตา ภูตา ภุมมิ มหาลาภัง ภะวันตุเม" (7 จบ)
เหมาะสำหรับคนที่เปิดร้านค้าขายจะดีเป็นพิเศษ ควรทำก่อนเที่ยง

บุญประเภทนี้หาทำได้ยาก เพราะโปรดวิญญาณเร่ร่อน ที่โมทนารับบุญกุศลไม่ได้ ต้องผ่านเครื่องสรวงเซ่นบูชา เดินทางไปที่ใดๆเหล่าภูติจะเมตตาเปิดทางให้พบแต่สิ่งดีๆ เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิโดยง่าย แสดงออกถึงความอ่อนน้อม และ มีเมตตา เวรภัยไม่รบกวน




ขอบคุณข้อมูลจาก มนุนาถ อินทรมงคล  

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

มะนาวช่วยลดความอ้วน กินยังไงให้ผอมจริง มาดูกัน!


   สูตรมะนาวลดความอ้วนที่จะช่วยให้คุณผอมเร็ว แบบง่าย ๆ ถ้าอยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูสูตร (ไม่) ลับที่เอามาฝากกันเลยค่ะ สำหรับมะนาวนั้น เรียกได้ว่ามีสรรพคุณ ที่ช่วยในการลดความอ้วนได้จริง!




   เพราะเคยมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า มะนาวสามารถช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยดีท็อกซ์สารพิษ ในร่างกาย นอกจากนี้ในผิวเปลือกมะนาวก็ยังมีคาร์โบไฮเดรต ที่จะช่วยลดความอยากอาหารได้นานขึ้นได้อีกด้วย คราวนี้เมื่อรู้สรรพคุณของมะนาวกันไปแล้ว สำหรับใครที่อยากจะลดความอ้วนด้วยมะนาว

*เคล็ดลับลดความอ้วนด้วยมะนาว*


   ตื่นเช้ามา ให้ดื่มน้ำมะนาวเป็นอันดับแรก โดยให้บีบมะนาว 1 ลูกในน้ำอุ่น 1 แก้ว พร้อมกับแช่เปลือกมะนาวลงไป ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยดื่ม หากทำแบบนี้ทุกเช้าจะช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย ซึ่งจะมีผลช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ง่ายขึ้น

   หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ให้บีบน้ำมะนาวในน้ำเย็น 1 แก้ว พร้อมกับแช่เปลือกมะนาวลงไปด้วย ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยดื่ม จะช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น




หรือในระหว่างวัน ถ้าหิวก็สามารถจิบน้ำมะนาวแก้หิวได้เช่นกันค่ะ

   สูตรมะนาวลดความอ้วนนี้ เป็นสูตรที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ หากทำทุกวันภายใน 1 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ น้ำหนักของคุณจะลดลง พร้อมกับเริ่มมีสัดส่วนตามมา คราวนี้สาวอ้วนทั้งหลายก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องน้ำหนัก กันอีกต่อไป รีบไปซื้อมะนาวมาเก็บไว้เยอะ ๆ กันเลยดีกว่า ช่วยได้แน่นอน

ขอขอบคุณรูปประกอบจาก : บ้านสวนมะนาวคุณน้อง
ขอขอบคุณที่มาจาก : www.thaijobsgov.com

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล

เทพมาก สูตรเเชมพูผมนิ่มข้ามวัน ...ดกดำข้ามปี


สูตรทำแชมพูผมนิ่มและดกดำ

ยาสระผมที่เราใช้อยู่ปัจจุบันมีส่วนผสมของสารเคมี หลังสระแน่นอนย่อมมีสารเคมีตกค้างอยู่ไม่มากก็น้อยแล้วแต่ว่าใครใช้ยี่ห้ออะไร  ถ้าใครพอมีเวลาว่าง หรือวันหยุดลองทำแชมพูเก็บไว้ใช้เองสิคะไม่ยากต้นทุนน้อย แต่ส่งผลดีต่อสุขภาพผม และหนังศีรษะ ด้วยสมุนไพรบ้านๆของเรานี่แหละค่ะ ใครสนใจสูตร ฟรีๆเอาไปลองทำเลย




ส่วนผสม แชมพูผมนิ่มและดกดำ

1. มะกรูด  1   กิโล หรือมากกว่า (  มะกรูดเป็นสัดส่วนหลัก  เจ้าของสูตรแนะนำให้เน้นมะกรูดเป็นหลัก มะกรูดน้อยเกินไปจะทำปฏิกิริยากับเบกกิ้งโซดาได้ไม่ดี ไม่เป็นฟอง )
2. ดอกอัญชัน   2 – 3  ขีด
3. ขิงสด 2 – 3  ขีด
4. เบคกิ้งโซดา 1 ถุง
5.น้ำสะอาด

วิธีทำแชมพูผมนิ่มและดกดำ

1.ล้างมะกรูด ขิง ดอกอัญชัญ ด้วยน้ำสะอาด จนแน่ใจว่าสะอาดดี โดยเฉพาะขิงต้องไม่มีดินติด
2.หั่นมะกรูด หั่นขิง เป็นเเว่นบางๆ
3.นำขิง มะกรูด ดอกอัญชันไปต้มรวมกันโดยใส่น้ำสะอาดให้ท่วมสมุนไพร ไม่ต้องให้สมุนไพรลอย ( เหมือนหุงข้าว ท่วมหลังมือ ) น้ำจะเยอะเกินไม่เข้มข้น
4.ตั้งไฟอ่อนๆ – ไฟกลางๆ ห้ามใช้ไฟแรง เพราะสมุนไฟรจะค่อยๆซึม หากใช้ไฟแรงน้ำจะแห้งเร็ว
5.สังเกตว่าดอกอัญชัญและมะกรูดเปื่อยยุ่ยแล้ว นำขึ้นจากเตา พักไว้ให้เย็น
6. นำไปกรองเอาเฉพาะส่วนน้ำ เก็บใส่ขวดสะสะอาด ปิดผาให้มิดชิด

วิธีสระ แชมพูผมนิ่มและดกดำ

1.เเบ่งน้ำยาสระผมจากขวด พอประมาณ สำหรับที่จะสระ ใส่ในภาชนะ และตักผงเบคกิ้งโซดาลงไป 1 ช้อนชา คนๆให้เข้ากัน แล้วสระผมตามปกติ
2. ล้างผมออกให้สะอาด หลายๆคนอาจตกใจขณะที่ผมยังไม่แห้งจะรู้สึกว่าผมกระด้าง เป้นปกติค่ะ รคอให้ผมแห้งแลัวหวีๆดูจะพบว่าผมนิ่มมากๆ แทบจะไม่ต้องไดส์เลยทีเดียว ( สวยจังตังอยู่ครบค่ะสาวๆ)

คำถามคาใจของใครหลายคน

1.ไม่ใส่ เบคกิ้งโซดาได้หรือไม่   ?
คำตอบ คือได้ แต่ไม่ดี ใส่เบคกิ้งโซดาจะให้ผลดีกว่า เนื่องจากน้ำสมุนไพรที่เราต้มมีฤททธิ์เป็นกรด หากสระเพียวๆผมจะเเข็งมากๆ  เบคกิ้งโซดามีคุณสมบัติเป็นด่าง  พอนำมาผสมกันจะทำให้มีฤทธิ์เป็นกลางสระคล่องๆ เหมือนยาสระผมที่ซื้อตามห้างสรรพสินนั่นเอง

2.ต้องเเช่ตู้เย็นหรือไม่ ?

คำตอบ เก็บที่อุญหภูมิปกตินาน 2สัปดาห์ไม่เสีย ใครจะแช่ตู้เย็นก็ได้ไม่ผิดกติกาค่ะ

3.เติมสมุนไพรชนิดอื่นได้หรือไม่ ?

คำตอบ สามารถเติมได้ตามต้องการหาก ค้นพบว่าสมุนไพรชนิดนั้นมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพผม

ขิง มีคุณสมบัติส่งเสริมการงอกของเส้นผม เหมาะสำหรับคนผมร่วงมาก หัวล้าน
มะกรูด บำรุงให้เส้นผมแข้งแรง เป็นเงางาม
ดอกอัญชัญ มี แอนโทไซยานิน (anthocyanin) บำรุงหนังศีรษะ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตของหนังศีรษะช่วยให้ผมดกดำเป็นเงางาม

สงสารเส้นผม รักษาผมให้ห่างไกลสารเคมมี มีเส้นผสมที่นุ่มและเงางาม เห็นทุกขั้นตอนการผลืดแบบไม่ต้องสงสัยกังวลใจใดๆทั้งสิ้น เพื่อนๆทุกคนลองทำดูนะคะ




ขอบคุณข้อมูล :
FB : Tan Phonburee
ขอบคุณภาพประกอบ :
FB : ยศยา ทวีสุขภิญโญ

ที่มา :  mamaexpert 

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก มงคล