คนที่ทำกรรมนี้ ชีวิตจะเป็นดังนี้
1. เจ็บป่วยจนตาย
2. ชีวิตดิ่งลง ไม่มีวันได้ดี
3. หนักตัว
4. อยู่กับใครไม่ได้นาน
5. จะมีแต่ปัญหาในชีวิต
6. ทำอะไรไม่ขึ้น
7. ตราบาปติดหน้า
8. ราศีไม่จับ
9. ตายไม่สวย
วิธีเป็นหนทางเดียวที่ตัดมันได้ กรรมอันสูงสุดไม่ได้ขออโหสิกันง่ายๆ. เป็นไปได้อย่าทำ อย่าฆ่าเขา ชีวิต 1 ชีวิต มีค่าเท่าชีวิตตัวคุณเอง
การทำแท้งเป็นกรรมหนักฆ่ามนุษย์ เป็นการตัดสิทธิ์ ตัดโอกาส ของวิญญาณที่จะมาเกิดแต่กลับไม่ได้เกิด แล้วเค้าไม่มีความผิดใดๆ โดยเกิดจาการกระทำของพ่อและแม่ วิญญาณเด็กที่ทำแท้งจึงอาฆาต
เนื่องจาก ยังไม่ได้จุติมาเป็นคน พวกนี้จะยังไม่เรียกผีแต่เรียกว่า พรายจะคอยกัดกินตามร่างกายของผู้ที่เป็นพ่อ เป็นแม่ทำให้ปวดหลังไหล่ท้องหรือแขนขาโดยไม่ทราพสาเหตุ เค้าจะรอจังหวะที่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ดวงขึ้นถึงขีดสุด แล้วกระชากลงมาทีเดียว
เพื่อให้สาสมกับสิ่งที่คุณทำกับเขาตอนที่เค้ากำลังได้เกิด กลับไปกระชากชีวิตเค้าก่อนที่เค้าจะมีตัวมีตน เป็นกรรมที่ทำกับเขาตอนที่เค้ายังไม่มีตัวตน ที่สมบูรณ์ในพระไตรปิฏก แม้แต่ปฏิสนธิได้หนึ่งวันก็ถือว่าเป็นสัตว์มนุษย์ คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการขออโหสิกรรมทำแท้ง คือมักจะทำบุญให้สร้างพระให้ แต่ถามว่าให้ใคร ศพเขาอยู่ใหน ทิ้งใหนแล้ว ยด้ประกอบพิธีทางศาสนาให้เขาบ้างใหม๋ เขามีชื่อหรือยัง จะอุทิศให้ได้ยังไงท่าไม่รู้จักชื่อ ฉนั้น การทำตามธรรมเนียมประเพณีนิยมจึง เหมาะสมที่สุด คือการทำสังฆทานอุทิศ หรือบางที่เรียกว่าแจกข้าวหาญาติผู้ตาย
และผู้ที่จะกระทำให้ได้ต้องเป็นพระเท่านั้น เรียกว่าปฏิฆาหก คือผู้อยู่ท่ามกลางระหว่างความเป็นความตาย จึงจะเหมาะสมที่สุด
วิธีขออโหสิกรรม/ขอขมากรรม
1. ให้ไปซื้อตุ๊กตาเล็กๆ มาสองตัว หญิงหนึ่งชายหนึ่งให้สมมุติเป็นตัวเขา เพราะตอนทำแท้งตัวเขาไม่มีรูปกาย ให้สมมุติเป็นหญิงตัว ชายตัว เนื่องจากเราไม่รู้ว่าลูกในท้องเป็นเพศอะไร เราจึงทำให้ทั้งสองเพศโดยให้ตั้งชื่อเค้าและใส่นามสกุลของเราเขียนติดที่ตุ๊กตาทั้งสอง
2. ให้ใช้นม 6 กล่อง คืออายตนะทั้งหมด หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ และนมจะเป็นนมวัวแดง ก็ได้ จากนั้นให้นำเงินใส่ในกล่องนั้น กล่องละ 50 บาท แทนขันธ์ 5 ดอกไม้ ธูป เทียน 1 ชุดสังฆทานเครื่องซักล้างต่างๆ เช่น สบู่ แฟ๊ป น้ำยาล้างจาน ยาสีฟัน น้ำยาล้างห้องน้ำฯลฯ เป็นการล้างมลทิน ข้อขัดข้องที่ติดอยู่ในใจ เป็นการชำระล้างให้สะอาด
3. พริกแห้ง เกลือ ข้าวสารสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ทางโลกวิญญาณ เพราะเป็นของที่มีค่าทางโลกวิญญาณ เสมือนเงินทอง สังเกตได้จากสมัยก่อนเค้าเผาพริก เผาเกลือ เพื่อ สาบแช่ง เป็นเสมือนการจ้างผีให้ไปทำร้ายคน
4. ร่ม 2 คัน, ร้องเท้า 2 คู่, เสื้อผ้าผู้หญิง 1 ชุด (เสื้อ+ผ้าถุง), เสื้อผ้าผู้ชาย 1 ชุด(เสื้อ+ผ้าขาวม้า) ความหมายว่าให้เค้ามีร้องเท้าใส่ มีเสื้อใส่ มีร่มใช้ เพื่อการเดินทางสู่สัมปรายภพรอการมาเกิดใหม่อีกรอบ
5ปัจจัย 4 ซอง หรือตามจำนวนพระ ที่เราจะกระทำสังฆทานอุทิศจะใส่เท่าไร่ก็ได้
6ให้จัดเตรียมสำรับกับข้าว อาหารคาวหวาน โดยที่เป็นอาหารเราชอบ 6 อย่าง พร้อมข้าว ไปถวายพระ 1 ชุด กะให้พอ ต่อจำนวนพระทีจะถวาย อีก ชุด 1 สำรับทำเป็น ภาเวร หรือ แต่งภาข้าวน้อย
หรือ เราเตรียมอีกทำเป็นกระธง และใส่ลงไป เสมือนการอุทิศ เป็นสังฆแทน ให้เอาไปวางใต้ต้นไม้และเรียกเค้ามากิน มารับรู้ว่าเราอุทิศให้ ก่อน จะยกไปวางใต้ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งให้ไปหาพระนั้น
ให้ยกยปกาพระองค์ที่เป็นหัวหน้หวือ อาวุโสสุด ในที่นั้น หยาดน้ำ กรือกรวดร้ำใส่ใน สำรับ ภาเวร ให้ถ้าเราไม่รู้พรรษาพระ หรือ พระอายุไม่ถึง พรรษา 5 ให้ใช้พระทั้งหมด 4 รูปขึ้นไป
เพราะพระที่ทำควรมีพรรษามากกว่า 5 พรรษา เพราะมีนัยยะว่า พระทีมีพรรษา 5 พรรษา สามารถปกครองตัวเองได้ และเค้าจะรู้วินัย รู้สิขาบท คือสามารถตัดสินใจทำพิธี ต่างๆได้
โดยไม่ต้องปรึกษา กรรมวาจาจารย์ และ อนุสาวนาจารย์ หากมีพรรษาไม่ถึง 5 ควรใช้พระ 4 รูป เค้าจะสวดอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ ซึ่งเป็นธรรมหมวดที่พระพุทธเจ้า เลือกคัดสรรแล้วว่าเป็นธรรมที่ประประเสริฐที่สุด ควรคู่กับการโปรดพระมารดา เทวะบุตร บนสวรรค์ จะว่าด้วย บทที่ว่า กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมาฯลฯ
และสุดท้ายให้จบท้ายด้วย เหตุปัจจะโย ซึ่งสำคัญ เนื่องจาก สิ่งทั้งหลายมีเหตุ มีปัจจัยมาปรุงแต่ง ให้เป็นไปตามปัจจัย จะทำให้จิตวิญญาณแรงอาฆาตของลูก จะอ่อนลง และพระจะชักชัก บังสุกุลตายก่อน จะขึ้นว่า ขั้นตอนการพิธีเราจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ยป หาพระก็พร้อม เอาของตามข้อ 1 2 3 4 5 ใส่ภาชนะใหญ่พอควร หรือจะเป็น กาละมัง ให้มีดอกไม้ใบไม้อนู่ข้างบน เอาเชือก หรือสายสินธุ์ วางพาดตุุกตาและของทั้งหมด โดย โยงไปให้พระ ทุกรูป ชัก อนิจา
โดยลำดับสวดดังนี้
1นามะรูปัง(ชื่อ.....) อนิจาวะตะลังขารา ฯลฯ
2 นะโม ฯลฯ
3 กุสลาธัมมา ฯลฯ
4 เหตุปัจจะโย
พอจบก็ถวายสำรับอาการกับข้าวพร้อมทั้งเครื่องบริวารต่างๆ
ซึ่งเป็นบทที่บังคับตามถูกต้องตามกฏของพุทธธรรมและวิญญาณจะยอมตาย เมื่อยอมตายแล้วก็จะเป็นไปตามวัฎจักร แล้ววิญญาณจะยอมไปแต่โดยดี ซึ่งเป็นการแก้เหตุให้ถูกจุด เมื่อถวายภัตตาหารแล้ว
ก็จะให้พรดรวดน้ำ มี ยถาลัพพีไปจนจบและจะต่อด้วย “อะยัญจะ โข ทักขิณา ทินนา”และว่าเรื่อยๆถึง “เปตานะ ปูชา”
ช่วงนี้ให้เรานึกถึงเขาถึงลูกที่เราไม่เคยนึกถึงเรียกชื่อตามที่เราตั่งให้ ซึ่งหมายถึงปูชาแด่ ชื่อลูกชื่อ น้อง1… น้อง2…
และสวดต่อจนจบพิธี คืออุทิศส่วนเค้าไปภพหน้า เมื่อจบพิธีแล้วจะมีสำรับอีกชุดหนึ่งที่เราเตรียมไว้ เรายกขึ้นแล้วว่า
“ อิมานิอิมัง โภชนะ ภาชะนัง อุทะกัง ถะเปคะวา น้องหนึ่ง น้องสอง โหมิ
ทุติยัมปิ อิมานิอิมัง โภชนะ ภาชะนัง อุทะกังถะเปตะวา น้องหนึ่ง น้องสอง โหมิ
ตะติยัมปิ อิมานิอิมัง โภชนะ ภาชะนัง อุทะกังถะเปตะวา น้องหนึ่ง น้องสอง โหมิ”
และพระจะหยิบน้ำมากรวดใส่ในสำรับนั้น ว่า
"อิทังเมญาตินังโหตุ สุขิตาโหตุ ญาตโย "
และสวดจบ เราก็ยกไปวางใต้ต้นไม้ให้เราทำธูปเทียนไปปักที่กับข้าว จุดและฝังที่ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่ง เป็นการจุด เรียกจิตเค้ามา ให้รับรู้ เขาจะรับรู้หรือไม่รับรู้ก็ตาม เป็นการทำบุญอุทิศ แล้วเราจะพูดขอโทษขออภัยหรือจะบอกกล่าวสั่งเสียอะไรเราก็จะพูดอธิถานเอาตอนนี้
แล้วตุ๊กตา นั้นเอาไ่ปเผา เสร็จแล้วเราก็กรวดน้ำให้ เป็นการฌาปนกิจเป็นให้เขาตามสมมุติโลกนิยมเป็นเสร็จพิธี
แล้วจะไปปล่อยปลา อีกต่อหนึ่งก็ ยิ่งดีเป็นเป็นการให้ชีวิต เพราะคนที่จะมาเกิดเป็นลูกจะต้องมีบุญวาสนาต่อกัน ในอดีตชาติ อย่างน้อยก็เป็นการกระทำที่ทำได้ให้เขาเป็นสุข ให้ใจเราเป็นสุข ตามแบบ ศาสนาพิธีนิยม
“คนทุกคนมีการทำผิด คนทุกคนมีการทำพลาด แต่ในเมื่อทำผิดพลาดแล้ว ก็ควรแก้ให้ถูกจุด ปัญหาก็เบาบางลง”
ที่มา : FB นพดล อุ่นตา
กดถูกใจ (Like) ติดตามข่าวสารจาก มงคล
facebook
google+
fb share